คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1416/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กฎหมายมิได้บังคับให้ต้องนำผู้แปลเอกสารภาษาต่างประเทศมาสืบเพื่อรับรองความถูกต้องของคำแปล เมื่อจำเลยเห็นว่าคำแปลตอนไหนไม่ถูกต้องหรือคลาดเคลื่อนอย่างไรจำเลยก็ชอบที่จะโต้แย้งหรือแสดงคำแปลที่ถูกต้องได้
การที่โจทก์ผู้สั่งจ่ายและต้องรับผิดเมื่อจำเลยผู้จ่ายซึ่งได้รับรองตั๋วแลกเงินแล้วไม่ยอมจ่ายเงินนั้น ได้เข้าถือเอาตั๋วแลกเงินโดยผู้รับเงินและตัวแทนสละตั๋วแลกเงินนั้นให้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 970 โจทก์จึงมีสิทธิเรียกเอาเงินตามตั๋วแลกเงินและดอกเบี้ยในจำนวนเงินนั้นคิดอัตราร้อยละห้าต่อปีนับแต่วันที่ได้ใช้เงินไปได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 969
เมื่อหนี้ตามตั๋วแลกเงินมีกำหนดระยะเวลาชำระแน่นอนอยู่แล้วโจทก์ไม่จำต้องบอกกล่าวทวงถามอีก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงตั๋วแลกเงิน 2 ฉบับ ซึ่งโจทก์เป็นผู้สั่งจ่ายระบุสั่งให้จำเลยใช้เงินตามคำสั่งของเคมิคัล แบงค์ นิวยอร์คทรัสท์ ผ่านธนาคารกรุงเทพ จำกัด เมื่อถึงกำหนดชำระเงินตามตั๋วแลกเงินทั้งสองฉบับ จำเลยผิดนัดไม่ชำระเงินตามตั๋วแลกเงิน ต่อมาธนาคารกรุงเทพ จำกัด และเคมิคัล แบงค์นิวยอร์คทรัสท์ได้เวนคืนตั๋วแลกเงินทั้งสองฉบับแก่โจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงตั๋วแลกเงินทั้งสองฉบับโดยชอบด้วยกฎหมายโจทก์ทวงถามแล้วแต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยร่วมกันชำระเงิน 91,254.24 บาทแก่โจทก์ พร้อมทั้งดอกเบี้ย

จำเลยทั้งสองให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและขาดอายุความโจทก์ไม่เป็นผู้ทรงตั๋วแลกเงินตามฟ้องตามกฎหมาย ทั้งไม่อาจจะมีฐานะเป็นผู้ทรงได้ หากเป็นผู้ทรงก็ไม่ใช่ลักษณะตั๋วแลกเงินตามฟ้อง เพราะตามฟ้องโจทก์ว่าจำเลยเอาตั๋วแลกเงินชำระราคาสินค้า โจทก์ต้องฟ้องจำเลยตามมูลหนี้ค่าสินค้า โจทก์ไม่เคยทวงถามจึงไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยและไม่มีอำนาจฟ้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม โจทก์เป็นผู้ทรงตั๋วแลกเงิน จำเลยทั้งสองรับรองตั๋วแลกเงินแล้ว โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสอง โจทก์ส่งสินค้าให้จำเลยไม่ครบและไม่ถูกขนาด เมื่อหักกับจำนวนเงินตามตั๋วแลกเงินแล้วจำเลยทั้งสองยังต้องรับผิดตามตั๋วแลกเงินอยู่อีก โจทก์จะเคยทวงถามให้จำเลยชำระเงินแล้วหรือไม่ก็ไม่ทำให้ผลของคำวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงแต่ประการใด คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินพร้อมทั้งดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ส่งสินค้าให้จำเลยที่ 1 แล้วออกตั๋วแลกเงิน 2 ฉบับ สั่งให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินตามตั๋วแลกเงินให้แก่หรือตามคำสั่งของเคมิคัล แบงค์ นิวยอร์คทรัสท์ เคมิคัล แบงค์ นิวยอร์คทรัสท์ได้ส่งใบรับสินค้ากับตั๋วแลกเงินทั้งสองฉบับให้ธนาคารกรุงเทพจำกัดจัดการแทน จำเลยที่ 2 ได้รับรองตั๋วแลกเงินสองฉบับ และรับใบรับสินค้าไปแล้ว แต่เมื่อถึงกำหนดชำระเงินจำเลยไม่ชำระเงินตามตั๋วแลกเงินทั้งสองฉบับ ต่อมาธนาคารกรุงเทพจำกัด และเคมิคัล แบงค์ นิวยอร์คทรัสท์ได้คืนตั๋วแลกเงินดังกล่าวให้แก่โจทก์ ส่วนสินค้าที่โจทก์ส่งมานั้นปรากฏว่ามีจำนวนไม่ครบและบางรายการมีขนาดไม่ตรงกับที่สั่งคิดเป็นเงิน 24,957.18 บาท ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์มิได้นำผู้แปลเอกสารภาษาต่างประเทศมาสืบเพื่อรับรองความถูกต้องของคำแปลจึงรับฟังเป็นพยานไม่ได้นั้น เห็นว่ากฎหมายมิได้บังคับให้ต้องนำผู้แปลมาสืบ เมื่อจำเลยเห็นว่าคำแปลตอนไหนไม่ถูกต้องหรือคลาดเคลื่อนอย่างไร จำเลยก็ชอบที่จะโต้แย้งหรือแสดงคำแปลที่ถูกต้องได้โจทก์เป็นผู้ทรงตั๋วแลกเงิน แต่การที่โจทก์ผู้สั่งจ่ายและต้องรับผิดเมื่อจำเลยผู้จ่ายซึ่งได้รับรองตั๋วแลกเงินแล้วไม่ยอมจ่ายเงินนั้น ได้เข้าถือเอาตั๋วแลกเงินโดยเคมิคัล แบงค์ นิวยอร์คทรัสท์ และธนาคารกรุงเทพ จำกัด สละตั๋วแลกเงินนั้นให้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 970 โจทก์จึงมีสิทธิเรียกเอาเงินตามตั๋วแลกเงินและดอกเบี้ยในจำนวนเงินนั้น คิดอัตราร้อยละห้าต่อปีนับแต่วันที่ได้ใช้เงินไปได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 969 แต่ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้เข้าถือเอาและใช้เงินตามตั๋วแลกเงินเมื่อใด โจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยดังกล่าวได้นับแต่วันฟ้อง ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่เคยทวงถามหรือบอกกล่าวก่อนฟ้อง เห็นว่าหนี้ตามตั๋วแลกเงินทั้งสองฉบับมีกำหนดระยะเวลาชำระแน่นอนอยู่แล้ว โจทก์ไม่จำต้องบอกกล่าวทวงถามอีก ที่จำเลยฎีกาว่าเมื่อฟังว่าโจทก์ผิดสัญญาหรือละเมิด ย่อมทำให้จำเลยเสียหาย แม้จำเลยจะสืบไม่สมศาลก็มีอำนาจกำหนดค่าเสียหายให้ได้ เห็นว่าศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยต้องกันว่าจำเลยไม่เสียหาย จึงไม่มีเหตุที่ศาลจะกำหนดค่าเสียหายให้จำเลย

พิพากษาแก้ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 66,297.06 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละห้าต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share