คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 651/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การริบทรัพย์เป็นโทษอย่างหนึ่ง การจะริบทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 เป็นเรื่องอยู่ในดุลพินิจของศาล
เมื่อโจทก์มิได้มีคำขอให้ริบธนบัตรของกลาง ศาลริบธนบัตรนั้นไม่ได้ เพราะเป็นการพิพากษาเกินคำขอ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคแรก
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ไว้เพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์และธนบัตรฉบับละ 10 บาท2 ฉบับที่เป็นธนบัตรของเจ้าพนักงานตำรวจมอบให้ผู้มีชื่อไปซื้อจากจำเลย และขอให้คืนธนบัตรดังกล่าวแก่เจ้าพนักงานตำรวจ ในชั้นอุทธรณ์โจทก์ก็ยืนยันเช่นนั้นการที่โจทก์ฎีกาว่าธนบัตรของกลางเป็นทรัพย์ของจำเลยได้มาจากการกระทำผิดจึงนอกฟ้อง และโจทก์เพิ่มเติมคำขอให้ริบของกลางเข้ามาในชั้นฎีกาไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์จำนวน 5 หลอด หนัก0.38 กรัมโดยมิได้รับอนุญาตและจำหน่ายเฮโรอีนนั้นให้แก่นายเดชาโดยฝ่าฝืนกฎหมายเจ้าพนักงานจับจำเลยยึดได้เฮโรอีน 3 หลอดซึ่งเหลือจากการขาย กับธนบัตรฉบับละ 10 บาท 2 ฉบับที่เป็นธนบัตรของเจ้าพนักงานตำรวจมอบให้นายเดชาไปซื้อเฮโรอีนจากจำเลย และได้เฮโรอีน 2 หลอดที่จำเลยขายให้แก่นายเดชาเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ริบของกลาง เว้นแต่ธนบัตรฉบับละ 10 บาท 2 ฉบับ คืนเจ้าพนักงานตำรวจ

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 ทวิ ฯลฯ ลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิด จำคุกกระทงละ 5 ปีรวม 10 ปี จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 5 ปี ริบเฮโรอีนของกลาง ส่วนธนบัตรฉบับละ 10 บาท 2 ฉบับของกลางเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยแล้ว โจทก์ไม่ได้ขอให้ริบทั้งโจทก์ไม่มีอำนาจขอให้คืนแก่เจ้าพนักงานตำรวจได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 จึงให้คืนแก่จำเลย

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลสั่งคืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าพนักงานตำรวจ เพราะเป็นทรัพย์ส่วนตัวของเจ้าพนักงานตำรวจ

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาว่า การที่ศาลสั่งคืนธนบัตรของกลางให้แก่จำเลยไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 ขอให้สั่งริบ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ของกลางซึ่งเป็นธนบัตรฉบับละ 10 บาท จำนวน2 ฉบับโจทก์บรรยายฟ้องว่าเป็นของเจ้าพนักงานตำรวจและมีคำขอให้ศาลสั่งคืนแก่เจ้าพนักงานตำรวจ ในชั้นอุทธรณ์โจทก์ก็ยืนยันเช่นนั้น การที่โจทก์ฎีกาว่าธนบัตรของกลางเป็นทรัพย์ของจำเลยได้มาจากการกระทำผิดจึงนอกฟ้องและโจทก์เพิ่มเติมคำขอให้ริบของกลางเข้ามาในชั้นฎีกาหาได้ไม่ การริบทรัพย์เป็นโทษอย่างหนึ่ง การจะริบทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33 เป็นเรื่องอยู่ในดุลพินิจของศาล เมื่อโจทก์มิได้มีคำขอให้ริบของกลางศาลริบธนบัตรนั้นไม่ได้ เพราะเป็นการเกินคำขอ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคแรก

พิพากษายืน

Share