คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 643/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเคยฟ้อง ร. เจ้าของรวมที่พิพาทคนหนึ่งหาว่าบุกรุกที่ดินและในคดีดังกล่าว ร. ได้อ้างสิทธิความเป็นเจ้าของรวมขึ้นเป็นข้อต่อสู้ จึงถือได้ว่าเป็นการใช้สิทธิอันเกิดแต่กรรมสิทธิ์เพื่อต่อสู้กับจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกแทนโจทก์และโจทก์ร่วมในคดีนี้(ในฐานะเจ้าของรวม) ด้วยการที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำคดีนี้ซึ่งมีประเด็นข้อโต้เถียงอย่างเดียวกันกับคดีที่จำเลยเป็นโจทก์ฟ้อง ร. ในคดีก่อนว่าที่พิพาทเป็นของฝ่ายใดมาฟ้อง เท่ากับเป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ศาลได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน 1 แปลง โดยมีนางราตรี เจริญศรี และนางกิมเกียว เอี่ยมสำอางค์ เป็นเจ้าของครอบครองร่วมกันมา 3 ปีเศษเมื่อเดือนพฤษภาคม 2517 จำเลยได้กล่าวหานางราตรีว่า บุกรุกแย่งทำกินในที่ดินของจำเลยเนื้อที่ 2 งานเศษ ซึ่งความจริงที่ดินส่วนนั้นเป็นของโจทก์ร่วมอยู่ด้วยไม่ใช่ของจำเลยการกระทำของจำเลยเป็นการรบกวนการครอบครองของโจทก์ ขอให้ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง

จำเลยให้การว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยโดยการครอบครองเป็นเจ้าของมากว่า 10 ปี จำเลยได้ฟ้องนางราตรีว่าบุกรุกและขอให้ขับไล่ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้จำเลยเป็นฝ่ายชนะ ตามสำนวนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 44/2517 ของศาลจังหวัดอุทัยธานี คดีถึงที่สุดแล้ว ขอให้เรียกนางกิมเกียวเจ้าของร่วมเข้ามาเป็นโจทก์ร่วม และขอให้ยกฟ้อง

นางกิมเกียว เอี่ยมสำอางค์ ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งเรียกเข้ามาเป็นโจทก์ร่วม ยื่นคำร้องเพิ่มเติมฟ้องโจทก์ว่า เมื่อเดือนพฤษภาคม 2517 นางเจียร ศรีแดงเกตุ ผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยนำพนักงานศาลรังวัดเอาที่ดินในเขตตาม น.ส.3 ของโจทก์ร่วมด้านทิศใต้รวมทั้งที่งอกริมตลิ่งหน้าที่ดินของโจทก์ร่วมเนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน 45 ตารางวา โดยอ้างว่าเป็นของจำเลย ขอให้ห้ามจำเลยเข้าไปเกี่ยวข้อง

จำเลยให้การโดยถือคำให้การเดิมเป็นข้อต่อสู้แก้ฟ้องของโจทก์ร่วม

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์และโจทก์ร่วมคดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 44/2517 ของศาลชั้นต้น ที่จำเลยเป็นโจทก์ฟ้องนางราตรีซึ่งเป็นเจ้าของที่พิพาทร่วมกับโจทก์และโจทก์ร่วมเป็นจำเลยในคดีก่อนที่ศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดไปแล้ว จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง

โจทก์ โจทก์ร่วมอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ โจทก์ร่วมฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าที่พิพาทคดีนี้เป็นที่แปลงเดียวกับที่ดินที่จำเลยเป็นโจทก์ฟ้องนางราตรี ซึ่งเป็นเจ้าของรวมในที่ดินดังกล่าวเป็นจำเลยในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 44/2517 ของศาลชั้นต้นและศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยให้ขับไล่นางราตรีกับบริวารออกไปจากที่พิพาท เห็นว่า เจ้าของรวมคนหนึ่งอาจใช้สิทธิอันเกิดแต่กรรมสิทธิ์ครอบไปถึงทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อต่อสู้บุคคลภายนอกได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1359 การที่นางราตรีเจ้าของรวมคนหนึ่งได้อ้างสิทธิความเป็นเจ้าของเป็นข้อต่อสู้ในคดีก่อนถือได้ว่าเป็นการใช้สิทธิอันเกิดแต่กรรมสิทธิ์เพื่อต่อสู้กับจำเลยซึ่งเป็นโจทก์และเป็นบุคคลภายนอกในคดีนั้นแทนโจทก์และโจทก์ร่วมคดีนี้ด้วย ดังนั้นการที่โจทก์และโจทก์ร่วมในฐานะเจ้าของรวมนำคดีนี้ซึ่งมีประเด็นข้อโต้เถียงอย่างเดียวกันกับคดีที่จำเลยเป็นโจทก์ฟ้องนางราตรีเจ้าของรวมคนหนึ่งในคดีก่อนว่าที่พิพาทเป็นของฝ่ายใดมาฟ้อง เท่ากับเป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ศาลได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

พิพากษายืน

Share