คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 189/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัด พ.ศ.2466บัญญัติให้เป็นดุลพินิจและอำนาจของเจ้าพนักงานโดยเฉพาะที่จะสั่งให้คืนเครื่องวัดชนิดสายแถบผ้าของโจทก์ในเมื่อเห็นว่าพอจะแก้ไขให้ถูกต้องได้หรือสั่งให้ริบหรือทำลายจนสิ้นเชิงเมื่อเห็นว่าทำไม่ถูกต้องและจะแก้ไขด้วยประการใด ๆ ที่สมควรก็ทำให้ถูกต้องไม่ได้
โจทก์ส่งเครื่องวัดชนิดสายแถบผ้าไปให้จำเลยรับรอง เมื่อเจ้าพนักงานได้ตรวจสอบและเห็นว่าเครื่องวัดชนิดสายแถบผ้าของโจทก์ไม่ถูกต้องและไม่อาจแก้ไขให้ดีได้และได้ใช้ดุลพินิจสั่งริบเครื่องวัดชนิดสายแถบผ้าของโจทก์แล้ว โจทก์จะขอให้ศาลสั่งเป็นอย่างอื่นโดยไม่มีข้ออ้างว่าเจ้าพนักงานใช้ดุลพินิจไม่สุจริตหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์สั่งซื้อเครื่องวัดชนิดเทปผ้าจากบริษัทผู้ผลิตแห่งประเทศอินเดีย ก่อนจำหน่ายโจทก์นำเครื่องวัดชนิดเทปผ้าขนาดต่าง ๆ ไปขอให้เจ้าหน้าที่จำเลยให้คำรับรองสองครั้ง ครั้งแรก 1,100 เครื่อง ครั้งที่สอง 343 เครื่อง เจ้าหน้าที่จำเลยตรวจสอบแล้วไม่ให้คำรับรอง อ้างว่าเครื่องวัดไม่ถูกต้องตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดและยึดไว้ โจทก์ขอคืนเพื่อส่งไปให้บริษัทผู้ผลิตแก้ไข จำเลยไม่ให้รายละเอียดและไม่คืนให้ เครื่องวัดของโจทก์แม้จะไม่อยู่ในอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาดตามกฎเสนาบดีที่ออกตามพระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัด ไปบ้าง แต่ก็สามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้ การที่จำเลยไม่ยอมชี้แจงเหตุผลและไม่คืนให้โจทก์เพื่อแก้ไข เป็นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายโจทก์ได้รับความเสียหายคิดตามราคาเครื่องวัดรวม 1,443 เครื่อง เป็นเงิน 209,640 บาท จึงฟ้องให้สั่งแสดงว่าเครื่องวัดชนิดเทปผ้าอันใดหรือจำนวนใดอยู่ในอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ให้จำเลยให้คำรับรองตามจำนวนนั้น หากเครื่องวัดไม่อยู่ในอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาดทั้งหมดหรือบางส่วน ก็ให้คืนให้โจทก์เพื่อจัดการแก้ไขให้ถูกต้องเพื่อขอคำรับรองใหม่ หากจำเลยไม่ปฏิบัติก็ให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 209,640 บาท

จำเลยให้การว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัดกัวฮัวหลิมเทรดดิ้งนำเครื่องวัดชนิดสายแถบผ้าไปให้เจ้าพนักงานของจำเลยตรวจสอบจำนวน 1,100 เครื่องและ 699 เครื่อง ผลการตรวจสอบปรากฏว่าเครื่องวัดรวม 1,443 เครื่องบกพร่องไม่ได้มาตรฐานตามกฎหมาย โดยมีขั้นหมายมาตราไม่สมานรูป หรือไม่ก็ผิดขนาดเกินอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาดตามกฎเสนาบดีกระทรวงพาณิชย์(ฉบับที่ 1) ออกตามพระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัด พ.ศ. 2466 ข้อ 22 เป็นเครื่องวัดที่ไม่ถูกต้อง เจ้าพนักงานจึงยึดไว้ ความบกพร่องดังกล่าวไม่อาจแก้ไขให้ดีได้เพื่อป้องกันมิให้เครื่องวัดดังกล่าวตกไปจำหน่ายในท้องตลาดเป็นเครื่องมือฉ้อโกงได้โดยสะดวก เจ้าพนักงานจึงมีคำสั่งให้ริบและทำลายเครื่องวัด 1,443 เครื่องเสียตามความในมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัด พ.ศ. 2466 การสั่งริบเป็นอำนาจและดุลพินิจของจำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง ราคาที่แท้จริงควรเป็นราคาต้นทุนที่ซื้อมาจำนวน 1,443 เครื่อง ไม่เกิน 50,000 บาท ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนเครื่องวัดดังกล่าว หากคืนไม่ได้ให้ใช้ค่าเสียหาย 59,893.66 บาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ได้ส่งเครื่องวัดชนิดสายแถบผ้าไปให้จำเลยรับรองสองครั้งจำนวน 1,799 เครื่อง ผลการตรวจสอบของเจ้าพนักงานปรากฏว่าเครื่องวัดชนิดสายแถบผ้ารวม 1,443 เครื่อง เป็นเครื่องวัดที่บกพร่องไม่ได้มาตรฐานตามกฎหมาย โดยมีขั้นหมายมาตราไม่สมานรูปหรือไม่ก็ผิดขนาดเกินอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาดตามกฎเสนาบดีกระทรวงพาณิชย์ (ฉบับที่ 1) ออกตามพระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัด พ.ศ. 2466 ข้อ 22 เป็นเครื่องวัดที่ไม่ถูกต้องและไม่อาจแก้ไขให้ดีได้ เจ้าพนักงานของจำเลยจึงยึดไว้ แล้ววินิจฉัยว่าที่โจทก์ฎีกาว่าเมื่อเจ้าพนักงานของจำเลยสั่งริบเครื่องวัดชนิดสายแถบผ้าของโจทก์ โจทก์ขอคืนเพื่อนำไปแก้ไขให้ถูกต้องและเจ้าพนักงานของจำเลยไม่ยอมคืนให้ย่อมเป็นกรณีโต้แย้งสิทธิซึ่งโจทก์มีสิทธินำคดีขึ้นสู่ศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 และคำขอของโจทก์มีสภาพเปิดช่องให้ศาลชี้บังคับได้นั้น เห็นว่ามาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัด พ.ศ. 2466 บัญญัติให้เป็นดุลพินิจและอำนาจของเจ้าพนักงานโดยเฉพาะที่จะสั่งให้คืนเครื่องวัดชนิดสายแถบผ้าของโจทก์ในเมื่อเห็นว่าพอจะแก้ไขให้ถูกต้องได้ หรือสั่งให้ริบหรือทำลายจนสิ้นเชิงเมื่อเห็นว่าทำไม่ถูกต้องและจะแก้ไขด้วยประการใด ๆ ที่สมควรก็ทำให้ถูกต้องไม่ได้ ดังนั้น เมื่อเจ้าพนักงานได้ตรวจสอบและเห็นว่าเครื่องวัดชนิดสายแถบผ้าของโจทก์ไม่ถูกต้องและไม่อาจแก้ไขให้ดีได้ และได้ใช้ดุลพินิจสั่งริบเครื่องวัดชนิดสายแถบผ้าของโจทก์แล้ว โจทก์จะขอให้ศาลสั่งเป็นอย่างอื่นโดยไม่มีข้ออ้างว่าเจ้าพนักงานใช้ดุลพินิจไม่สุจริตหาได้ไม่

พิพากษายืน

Share