คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2100/2521

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยรวบคอผู้เสียหายเพื่อให้รู้ว่าสวมสร้อยคออยู่ แล้วกระตุกสร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง สร้อยบาดคอเป็นแผลไม่ถึงเป็นอันตรายแก่กาย ไม่เป็นชิงทรัพย์ เป็นการฉกฉวยเอาซึ่งหน้า มีความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์

ย่อยาว

ตามฟ้องผู้เสียหายไม่ได้รับอันตรายแก่กาย ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 จำคุก 10 ปี กับให้ใช้ทรัพย์ราคา 330.70 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ จำคุก 2 ปี ตามมาตรา 336 วรรคแรก โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีมีปัญหาจะต้องวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์หรือวิ่งราวทรัพย์ เห็นว่า บ้านที่ผู้เสียหายพักอยู่เป็นสถานที่ค้าประเวณี จำเลยไปเที่ยวที่นั่นเป็นประจำ ผู้เสียหายเองก็รักชอบพออยู่กับจำเลย จำเลยคงจะเห็นผู้เสียหายใส่สร้อยคอ สถานที่เกิดเหตุมีแต่แสงตะเกียงกระป๋อง สร้อยคอหนักเพียงสองสลึง ย่อมมองเห็นไม่ถนัดจำเลยมุ่งประสงค์จะเอาสร้อยคอของผู้เสียหาย ไม่มีเหตุที่จำเลยจะบีบคอผู้เสียหาย ที่ผู้เสียหายว่าจำเลยวิ่งเข้ามาบีบคอนั้น เมื่อตอบคำถามค้านทนายจำเลย ผู้เสียหายก็ว่าจำเลยได้เข้ามารวบคอไว้ ที่จำเลยต้องทำเช่นนั้นก่อนกระตุกสร้อยก็คงจะเพื่อให้รู้แน่ว่าผู้เสียหายยังสวมสร้อยคออยู่ บาดแผลของผู้เสียหายที่คอก็เกิดจากถูกสร้อยคอบาดขณะจำเลยกระตุกสร้อย ไม่มีร่องรอยถูกบีบที่คอ คดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหาย จำเลยเพียงแต่ลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า เป็นความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์”

พิพากษายืน

Share