แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การที่จำเลยกับพวกเอามืออุดปากแล้วเอาผ้าขาวม้ามัดมือผู้เสียหายลากเข้าริมถนนแล้วข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเพียงประการเดียว มิได้ทำอนาจารประการอื่นใดอีก จำเลยกับพวกจึงมีความผิดฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง ไม่มีความผิดในข้อหาอนาจารผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 ด้วย
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคสอง และ 278 ให้ลงโทษตามมาตรา 276 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามมาตรา 90 จำคุก 15 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นจำคุก 15 ปี ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 10 ปี จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ที่ศาลล่างทั้งสองฟังว่าจำเลยกับพวกได้ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายด้วยกัน อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย แต่ที่พิพากษาลงโทษจำเลยในข้อหากระทำอนาจารมาด้วยนั้น เห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความเพียงนายประยูรพวกจำเลย เอามืออุดปากแล้วเอาผ้าขาวม้ามัดมือผู้เสียหายลากเข้าริมถนนแล้วข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเพียงประการเดียว มิได้กระทำอนาจารประการอื่นใดอีกจำเลยจึงไม่มีความผิดในข้อหากระทำอนาจารผู้เสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 ด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคสอง ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21พฤศจิกายน 2514 ข้อ 7 ข้อหาอื่นให้ยก นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์”