คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2535/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คดีก่อนโจทก์ยื่นฟ้องโดยมิได้วางเงินที่จะต้องชดใช้ต่อศาลเป็นการขัดต่อประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงานศาลจึงไม่รับฟ้องโดยเห็นว่าโจทก์ไม่มีสิทธิจะฟ้องคดีโจทก์ก็มิได้อุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลที่ไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาการวางเงินหรือคำสั่งไม่รับฟ้องอย่างใดการที่โจทก์มาฟ้องเป็นคดีนี้ใหม่ แม้จะเป็นเรื่องเดียวกับคดีก่อนก็เป็นการฟ้องคนละคดีจะถือวันยื่นฟ้องคดีก่อนมาเป็นวันฟ้องคดีนี้หาได้ไม่เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้เกินกว่าระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งของอธิบดีกรมแรงงานเกี่ยวกับเงินทดแทน คำสั่งของอธิบดีเป็นที่สุด โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ปัญหาขึ้นมาสู่ศาลฎีกาต้องวินิจฉัยมีเพียงว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องคดีนี้หรือไม่ ปัญหานี้มีประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ฉบับลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 60 กำหนดว่า

“ในกรณีที่นายจ้างหรือผู้ยื่นคำร้องเรียกเงินทดแทนไม่พอใจคำสั่งของพนักงานเงินทดแทน ให้มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่ออธิบดีได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันทราบคำสั่ง

เมื่ออธิบดีพิจารณาอุทธรณ์และมีคำสั่งแล้ว ให้แจ้งคำสั่งนั้นเป็นหนังสือให้นายจ้างและผู้ยื่นคำร้องเรียกเงินทดแทนทราบ ถ้าเห็นชอบพร้อมกัน ให้นายจ้างจ่ายเงินทดแทนภายในสามสิบวันนับแต่วันทราบคำสั่งถ้าไม่เห็นชอบให้นำคดีไปสู่ศาลได้ แต่ถ้าไม่นำคดีไปสู่ศาลภายในสามสิบวันนับแต่วันทราบคำสั่ง ให้คำสั่งของอธิบดีเป็นที่สุด

ถ้านายจ้างเป็นฝ่ายนำคดีไปสู่ศาล นายจ้างต้องวางเงินต่อศาลเป็นจำนวนตามคำสั่งของอธิบดี จึงจะฟ้องคดีได้”

ข้อเท็จจริงคดีนี้ได้ความว่า อธิบดีกรมแรงงานจำเลยได้มีคำสั่งอุทธรณ์เงินทดแทนของโจทก์แล้วตามคำสั่งที่ 22/2523 ลงวันที่ 4 กรกฎาคม 2523 ซึ่งตามคำแถลงรับของโจทก์ในชั้นพิจารณาของศาลแรงงานกลาง โจทก์ยอมรับว่า โจทก์ได้ทราบคำสั่งอุทธรณ์เงินทดแทนดังกล่าวเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2523 ดังนี้ ตามข้อ 60 วรรคสองของประกาศกระทรวงมหาดไทยฉบับข้างต้น หากโจทก์ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งนั้น โจทก์ต้องยื่นฟ้องคดีนี้ต่อศาลเสียภายในวันที่ 8 สิงหาคม 2523 อันเป็นวันครบกำหนด 30 วันนับแต่โจทก์ได้ทราบคำสั่งอุทธรณ์เงินทดแทน แต่โจทก์กลับมายื่นฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2523 เห็นได้ว่าล่วงเลยระยะเวลาที่กำหนดไว้ในประกาศ ข้อที่โจทก์อุทธรณ์ว่า ก่อนโจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ โจทก์ได้เคยยื่นฟ้องคดีเรื่องเดียวกันต่อศาลแรงงานกลางไว้ครั้งหนึ่งแล้วเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2523 พร้อมกับยื่นคำร้องขอขยายเวลาวางเงินภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2523 แต่ศาลแรงงานกลางไม่อนุญาต และมีคำสั่งไม่รับฟ้องของโจทก์คดีก่อน ฉะนั้นเมื่อโจทก์ยื่นฟ้องคดีใหม่ ซึ่งศาลสั่งรับไว้ก็ต้องถือว่า คดีทั้งสองเป็นคดีเดียวกันและโจทก์ใช้สิทธิทางศาลภายในระยะเวลา 30 วันตามกำหนดในประกาศนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า คดีก่อนโจทก์ยื่นฟ้องโดยมิได้วางเงินที่จะต้องชดใช้ต่อศาลเป็นการขัดต่อประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ข้อ 60 วรรคสาม ศาลแรงงานกลางจึงไม่รับฟ้องของโจทก์ไว้โดยเห็นว่าโจทก์ไม่มีสิทธิจะฟ้องคดีโจทก์ก็มิได้อุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลแรงงานกลางที่ไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาการวางเงินหรือคำสั่งไม่รับฟ้องคดีก่อนนั้นอย่างใด การที่โจทก์มาฟ้องเป็นคดีใหม่ แม้จะเป็นเรื่องเดียวกับคดีก่อนก็เป็นการฟ้องคนละคดีจะถือวันยื่นฟ้องคดีก่อนมาเป็นวันฟ้องคดีนี้หาได้ไม่ส่วนอุทธรณ์ของโจทก์ที่อ้างว่านายธนา พิมพิโสภณ หุ้นส่วนผู้จัดการห้างโจทก์เพิ่งทราบคำสั่งอุทธรณ์เงินทดแทนของอธิบดี หลังจากหนังสือแจ้งไปถึงห้างโจทก์ราว 5 วัน ทำนองว่าโจทก์ทราบคำสั่งนี้วันที่ 14 กรกฎาคม 2523 โจทก์ฟ้องคดีในวันที่ 11 สิงหาคม 2523 จึงไม่เกินกำหนด 30 วันนั้น เห็นว่าเป็นการขัดต่อคำแถลงของโจทก์ที่รับว่าโจทก์ทราบคำสั่งอุทธรณ์เงินทดแทนในวันที่ 9 กรกฎาคม 2523 ข้ออ้างดังกล่าวรับฟังไม่ได้ ด้วยเหตุผลข้างต้น ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้เกินกว่าระยะเวลา 30 วัน เป็นการขัดต่อประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ฉบับลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 60 วรรคสอง”

พิพากษายืน

Share