คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2380/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ระเบียบของสโมสรฯ ซึ่งอยู่ในการดำเนินการของจำเลยระบุไว้ว่า ผู้ใช้บริการต้องรับผิดชอบอันตรายที่เกิดขึ้นด้วยตนเอง จำเลยที่ 1 จึงไม่มีหน้าที่ต้องระมัดระวังอันตรายหรือคอยดูแลความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ และโจทก์ก็ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่า จำเลยทั้งสามมีหน้าที่ ต้องระมัดระวังอันตรายหรือจะต้องจัดเจ้าหน้าที่ช่วยชีวิตประจำสระน้ำไว้เพื่อดูแลความปลอดภัยของผู้ใช้บริการด้วย บุตรโจทก์ว่ายน้ำเป็น ไปว่ายน้ำ ในสระเล็กแล้วจมน้ำตาย การตายมิได้เกิดจากความชำรุดบกพร่องของสระว่ายน้ำหรือน้ำในสระเป็นพิษ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าเด็กหญิงบังอรบุตรโจทก์ว่ายน้ำเป็น และได้ไปว่ายน้ำในสระน้ำของจำเลยที่ 2 ซึ่งให้จำเลยที่ 3 เช่า แล้วจมน้ำตาย

โจทก์ฎีกาว่า เป็นหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้ควบคุมดูแลสระว่ายน้ำน่าจะได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรที่บุคคลทั่วไปจะพึงกระทำจำเลยที่ 1 ต้องให้ความควบคุมดูแล คุ้มครองความปลอดภัยตามสมควรจำเลยที่ 1 ละเว้นไม่ดูแลเด็กขณะใช้บริการของจำเลย เมื่อบุตรโจทก์จมน้ำตาย ต้องถือว่าจำเลยที่ 1 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยประมาท และเป็นการละเมิด จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้ดำเนินกิจการสระว่ายน้ำแห่งนี้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ตามระเบียบของสโมสรฯเอกสาร ล.16 ข้อ 14 ระบุไว้ชัดว่า ผู้ใช้บริการ ต้องรับผิดชอบอันตรายที่เกิดขึ้นด้วยตนเอง ซึ่งผู้ใช้บริการย่อมหมายถึงเด็กที่ว่ายน้ำเป็นด้วย จำเลยที่ 1 จึงไม่มีหน้าที่ต้องระมัดระวังอันตรายหรือคอยดูแลความปลอดภัยของผู้ใช้บริการและโจทก์ก็ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่า จำเลยทั้งสามมีหน้าที่ต้องระมัดระวังอันตรายหรือจะต้องจัดเจ้าหน้าที่ช่วยชีวิตประจำสระว่ายน้ำไว้เพื่อดูแลความปลอดภัยของผู้ใช้บริการด้วย กรณีบุตรโจทก์ว่ายน้ำเป็น ตามข้อเท็จจริงว่ายน้ำในสระใหญ่ครึ่งชั่วโมง จึงไปว่ายน้ำในสระเล็กแล้วจมน้ำตาย การที่ตายมิได้เกิดจากความชำรุดบกพร่องของสระว่ายน้ำหรือน้ำในสระเป็นพิษ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์”

พิพากษายืน

Share