คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2018/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คู่ความท้ากันเป็นข้อแพ้ชนะให้เจ้าพนักงานที่ดินไปทำการรังวัดปูโฉนดที่ดินพิพาททั้งแปลงและให้ตรวจสอบด้วยว่ามีโรงสีและบ้านปลูกอยู่ในโฉนดด้วยหรือไม่เมื่อเจ้าพนักงานที่ดินมิได้ทำการปูโฉนดตามที่คู่ความได้ท้ากันไว้คงให้คู่ความแต่ละฝ่ายนำชี้แนวเขตโฉนดซึ่งไม่ตรงกันตามแผนที่พิพาทย่อมไม่อาจรู้แนวเขตโฉนดได้แน่นอนจึงไม่อาจนำแผนที่พิพาทมาเป็นหลักฐานในการวินิจฉัยตามคำท้าของคู่ความได้ต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป

ย่อยาว

คู่ความท้ากันเป็นข้อแพ้ชนะให้เจ้าพนักงานที่ดินปูโฉนดในคดีพิพาทกรรมสิทธิ์ที่ดิน เสร็จแล้วศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายระหว่างนายสากับนายอ่าง และเพิกถอนการรับมรดกของนางมาตลอดจนสัญญาให้ระหว่างนางมากับจำเลยที่ 1 และเพิกถอนการจดทะเบียนของจำเลยทั้งเก้าคนในโฉนดที่ 1169 ให้เจ้าพนักงานที่ดินใส่ชื่อโจทก์ทั้งเก้าคนลงในโฉนดดังกล่าวตามส่วนของตนตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามรูปคดีแล้วพิพากษาใหม่ โจทก์ทั้งเก้าฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “เจ้าพนักงานที่ดินมิได้ทำการปูโฉนดตามที่คู่ความได้ท้ากันไว้ คงให้คู่ความแต่ละฝ่ายต่างนำชี้เขตโฉนดกล่าวคือตามแนวเส้นสีแดงที่ปรากฏในแผนที่พิพาท เจ้าพนักงานผู้ทำการรังวัดได้บันทึกไว้ว่าเป็นเขตโฉนดซึ่งโจทก์นำทำการรังวัด ซึ่งถ้าดูแต่แนวเขตที่โจทก์นำรังวัดแล้ว โรงสีของนายเทียม ขำสกุล และบ้านของนางอุไร โตจำนงค์ ก็อยู่นอกเขตโฉนด แต่ครั้นเมื่อจำเลยนำชี้ เจ้าพนักงานผู้ทำการรังวัดได้บันทึกไว้ในแผนที่พิพาทว่าตามแนวเส้นสีเขียวเป็นเขตที่ดินซึ่งจำเลยนำรังวัดว่าเป็นเขตโฉนดแนวเส้นสีเขียวนี้เหลี่อมทับไม่ตรงกับแนวเขตโฉนดสีแดงที่โจทก์นำชี้ ถ้าดูเฉพาะแนวเส้นสีเขียวนี้และจะเห็นได้ว่ามีโรงสีนายเทียม ขำสกุล และบ้านนางอุไร โตจำนงค์ อยู่ภายในแนวเส้นสีเขียวที่จำเลยอ้างว่าเป็นเขตโฉนดรายพิพาท เมื่อต่างฝ่ายต่างนำชี้แนวเขตโฉนดไม่ตรงกันเช่นนี้ ย่อมไม่อาจรู้แนวเขตโฉนดที่ 1169 ได้แน่นอนแผนที่พิพาทดังกล่าวจึงไม่อาจนำมาเป็นหลักฐานในการวินิจฉัยตามคำท้าของคู่ความได้”

พิพากษายืน

Share