คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1637/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เมื่อสัญญาที่จำเลยจ้างโจทก์ก่อสร้างรั้วรอบบริเวณเป็นสัญญาจ้างเหมา มิใช่คิดเป็นหน่วยดังนั้น แม้ความยาวของรั้วจะน้อยกว่าในสัญญาโจทก์ก็ได้ก่อสร้างตามสัญญาเรียบร้อยแล้วจำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะหักเงินค่าจ้างตามที่ตกลงไว้ในสัญญา

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าจ้าง 254,163 บาท 75 สตางค์พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้จำเลยชำระค่าจ้าง 204,671บาทแก่โจทก์ โจทก์และจำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ศาลฎีกาเห็นว่า ถ้าหากจำเลยมีความประสงค์ให้ถือความยาวของรั้วว่ากี่เมตรเป็นข้อสำคัญในการว่าจ้างจำเลยควรจะระบุเงื่อนไขในสัญญาฉบับนี้ไว้ด้วยว่า เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ให้วัดความยาวของรั้วให้แน่นอนอีกครั้ง ถ้าความยาวน้อยกว่าที่ระบุในสัญญาก็ให้จำเลยมีสิทธิหักเงินค่าจ้างในอัตราเมตรละ 700 บาทได้ แต่ข้อความดังกล่าวไม่ได้ระบุไว้นอกจากนั้นในสัญญามีข้อความว่า รั้วมีความยาวไม่ต่ำกว่า 1,462 เมตรเสียอีกแสดงว่า จำเลยยังมั่นใจว่าความยาวตามแผนผังหมาย จ.1 นั้นถูกต้อง โจทก์ก็เข้าใจเช่นเดียวกับจำเลย เพราะได้ตรวจดูแผนผังดังกล่าวในวันที่เจ้าหน้าที่ของจำเลยนำชี้สถานที่ ที่นายแพทย์สุรินทร์พยานจำเลยเบิกความว่า ตามสัญญาหมาย จ.5 ถ้าความยาวของรั้วน้อยกว่า 1,462 เมตร จำเลยมีสิทธิจะหักเงินค่าจ้างตามจำนวนที่น้อย แต่ถ้ายาวมากกว่า โจทก์ต้องรับภาระไป เป็นความเข้าใจของพยานเอง แต่ไม่ได้ระบุไว้ในสัญญา ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาจ้างเหมาไม่ใช่เป็นหน่วย แม้ความยาวของรั้วจะน้อยกว่าในสัญญา โจทก์ก็ได้ก่อสร้างตามสัญญาเรียบร้อยแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิจะหักเงินจำนวน 49,490 บาท ไว้ได้” ฯลฯ

“โจทก์สร้างรั้วเสร็จตามสัญญา คงมีข้อบกพร่องเรื่องการทาสีคานคอดินขาดไป 5 เซนติเมตรตลอดแนวรั้วเท่านั้น จำเลยไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญา เมื่อโจทก์จะส่งมอบงานงวดสุดท้าย จำเลยไม่ยอมรับ จึงถือว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าจ้างงวดสุดท้าย จำเลยจึงต้องชำระดอกเบี้ยให้โจทก์นับแต่วันผิดนัด”

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share