คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1157/2544

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 ให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษารายอื่นมีอำนาจยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ต่อศาลที่ออกหมายบังคับให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้นได้ ซึ่งตามมาตรา 302 วรรคหนึ่ง ศาลที่มีอำนาจออกหมายบังคับคดีคือศาลที่ได้พิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีในชั้นต้น เมื่อมาตรา 290 วรรคหนึ่งมิได้กำหนดระยะเวลาในการยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ไว้ และวรรคห้าเป็นบทบัญญัติเชื่อมโยงมาจากวรรคหนึ่ง จึงไม่จำต้องระบุศาลที่จะรับคำร้องไว้ในวรรคห้าซ้ำอีกเพราะเป็นที่เข้าใจได้ว่าหมายถึงศาลที่มีอำนาจออกหมายบังคับคดีตามวรรคหนึ่ง เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีจังหวัดทุ่งสงซึ่งบังคับคดีแทนศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชได้รับเงินที่อายัดจากลูกหนี้ของจำเลยเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2541แล้วส่งเงินดังกล่าวให้แก่เจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีจังหวัดนครศรีธรรมราชวันที่ 18 มกราคม 2542 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชวันที่ 29 มกราคม 2542 จึงอยู่ภายในกำหนดระยะเวลา 14 วัน ตามกฎหมาย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์จำนวน 381,515 บาท พร้อมดอกเบี้ยจำเลยทั้งสองไม่ชำระ โจทก์ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีอายัดเงินที่จำเลยทั้งสองจะได้รับจากโรงเรียนกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของศาลแขวงนครศรีธรรมราชในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 153/2541ซึ่งพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 36,500 บาทให้แก่ผู้ร้อง แต่จำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ให้แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องได้ยื่นคำขอต่อศาลให้ออกหมายบังคับคดี และแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีจำเลยทั้งสองไม่มีทรัพย์สินอื่นใดนอกจากเงินที่โจทก์ขออายัดไว้ขอให้มีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยเงินดังกล่าว

โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า โรงเรียนกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราชได้ส่งเงินให้แก่เจ้าพนักงานบังคับคดีสำนักงานบังคับคดีจังหวัดทุ่งสงเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2541 ดังนั้น ผู้ร้องจึงต้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยเงินภายใน 14 วัน นับแต่วันดังกล่าว แต่ผู้ร้องยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 29 มกราคม2542 ซึ่งสิ้นระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องของผู้ร้อง ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องไว้พิจารณา

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติตามที่โจทก์ผู้ร้องขอเฉลี่ยทรัพย์และเจ้าพนักงานบังคับคดีรับกันว่าศาลจังหวัดทุ่งสงบังคับคดีตามหมายอายัดแทนศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เจ้าพนักงานบังคับคดีสำนักงานบังคับคดีจังหวัดทุ่งสงได้รับเงินที่ถูกอายัดจากโรงเรียนกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช ลูกหนี้ของจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2541แล้วส่งเงินดังกล่าวให้แก่เจ้าพนักงานบังคับคดีสำนักงานบังคับคดีจังหวัดนครศรีธรรมราชเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2542 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชวันที่ 29 มกราคม 2542 คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์เกินกำหนด 14 วัน นับแต่วันชำระเงินหรือส่งทรัพย์สินตามที่อายัดหรือไม่ พิเคราะห์แล้วประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 บัญญัติว่า “เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดียึดหรืออายัดทรัพย์สินอย่างใดของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแล้วห้ามมิให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้นซ้ำอีก แต่ให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเช่นว่านี้มีอำนาจยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลที่ออกหมายบังคับให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้นเพื่อให้ศาลมีคำสั่งให้ตนเข้าเฉลี่ยในทรัพย์สินหรือเงินที่ขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินนั้นได้ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์” เห็นว่า ตามบทบัญญัติดังกล่าวมีสาระสำคัญ 2 ประการประการแรกเมื่อได้มีการยึดหรืออายัดทรัพย์สินอย่างใดของลูกหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว ห้ามมิให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้นซ้ำอีกกับให้เจ้าหนี้รายอื่นดังกล่าวมามีอำนาจยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ต่อศาลที่ออกหมายบังคับให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้นอีกประการหนึ่งซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 302 วรรคหนึ่ง บัญญัติไว้ชัดเจนว่าศาลที่มีอำนาจออกหมายบังคับคดีคือศาลที่ได้พิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีในชั้นต้น สำหรับคดีนี้จึงได้แก่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เนื่องจากมาตรา 290 วรรคหนึ่ง มิได้กำหนดระยะเวลาในการยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ไว้ จึงได้บัญญัติในวรรคห้าของมาตราเดียวกันว่า “ในกรณีอายัดทรัพย์สินให้ยื่นคำขอเสียก่อนสิ้นระยะเวลาสิบสี่วันนับแต่วันชำระเงินหรือส่งทรัพย์สินตามที่อายัดไว้” เมื่อวรรคห้านี้เป็นบทบัญญัติเชื่อมโยงมาจากวรรคหนึ่ง จึงไม่จำต้องระบุศาลที่จะรับคำร้องไว้ในวรรคห้าซ้ำอีกเพราะเป็นที่เข้าใจได้ว่าหมายถึงศาลที่มีอำนาจออกหมายบังคับคดีตามวรรคหนึ่ง เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีสำนักงานบังคับคดีจังหวัดทุ่งสงส่งเงินที่อายัดให้แก่เจ้าพนักงานบังคับคดีสำนักงานบังคับคดีจังหวัดนครศรีธรรมราชวันที่ 18 มกราคม 2542 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชวันที่ 29 มกราคม 2542 จึงอยู่ภายในกำหนดระยะเวลา 14 วัน ตามกฎหมาย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องของผู้ร้องนั้นชอบแล้ว”

พิพากษายืน

Share