คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2295/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทนายความมอบอำนาจให้ผู้อื่นมายื่นคำฟ้องคดีแทนได้แม้ พ. เป็นลูกจ้างโจทก์มีตำแหน่งเป็นนิติกรโทแต่เมื่อใบมอบฉันทะระบุว่าพ. เป็นเสมียนทนาย พ. ก็มีฐานะเป็นเสมียนทนายได้ ใบมอบอำนาจให้มายื่นคำฟ้องคดีแทนดังกล่าวจึงไม่ต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากสถานที่เช่า (ปั๊มน้ำมันและสถานที่สร้างปั๊มน้ำมัน) ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายพร้อมทั้งดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยไม่เคยได้รับหนังสือบอกกล่าวเลิกการเช่าจากโจทก์ โจทก์ไม่เสียหาย หากเสียหายจริงก็ไม่เกินเดือนละ 300 บาท

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้อง ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุมจำเลยได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าจากโจทก์แล้วโจทก์เสียหาย 8 เดือน ๆ ละ 600 บาท ให้ขับไล่จำเลยและบริวารและให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 4,800 บาทพร้อมดอกเบี้ย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์เฉพาะข้อ 1 ที่ว่า คำฟ้องโจทก์มาสู่ศาลชั้นต้นเป็นการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ส่วนข้ออื่น ๆ เป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์จึงไม่รับ

จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์สั่งว่า นอกจากอุทธรณ์ของจำเลยข้อ 1 ซึ่งศาลชั้นต้นสั่งรับไว้แล้วอุทธรณ์ข้อ 2(1) ที่ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องและฟ้องโจทก์เคลือบคลุม เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายด้วย จึงให้รับอุทธรณ์ของจำเลยดังกล่าวไว้พิจารณา ส่วนอุทธรณ์ข้ออื่น ๆ เป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ชอบแล้ว

จำเลยฎีกาคำสั่ง

ศาลชั้นต้นสั่งว่า คำสั่งศาลอุทธรณ์ถึงที่สุดแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 จึงไม่รับฎีกาคำสั่ง

ศาลอุทธรณ์พิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยตามที่ศาลชั้นต้นสั่งรับและศาลอุทธรณ์สั่งรับเพิ่มเติมแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ลงชื่อแต่งตั้งนายอำพลเป็นทนายความ นายอำพลลงชื่อรับเป็นทนายความให้โจทก์ ศาลสั่งอนุญาตในใบแต่งทนายความแล้วนายอำพลจึงเป็นทนายความของโจทก์โดยชอบ มีอำนาจมอบให้นายพรรษาเสมียนทนายไปยื่นคำฟ้องต่อศาลแทนตนได้ การที่นายพรรษาเป็นลูกจ้างโจทก์ก็อาจเป็นเสมียนทนายในคดีนี้ได้ ใบมอบฉันทะให้ยื่นฟ้องจึงไม่ต้องเสียค่าอากรเช่นใบมอบทั่ว ๆ ไป คำฟ้องโจทก์มาสู่ศาลชั้นต้นเป็นการชอบด้วยกฎหมาย ศาลชั้นต้นสั่งรับฟ้องของโจทก์ไว้ชอบแล้ว ที่จำเลยอุทธรณ์ว่า ขณะโจทก์ยื่นฟ้อง นายจรูญผู้อำนวยการองค์การสะพานปลามีอายุ 65 ปี จะต้องปลดเกษียณอายุไปตั้งแต่อายุ 60 ปี นั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การ ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัย ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุมพิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับปัญหาที่ว่า คำฟ้องของโจทก์มาสู่ศาลชั้นต้นเป็นการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า การดำเนินกระบวนพิจารณาต่อศาลนั้นกฎหมายมิได้บัญญัติว่าจะต้องทำโดยตัวความหรือทนายความเสมอไปต้องดูลักษณะของงานเป็นเรื่อง ๆ ไปว่า ถ้าเป็นกิจการสำคัญในการดำเนินคดีซึ่งโดยปกติตัวความหรือทนายความจะต้องกระทำเองแล้ว ก็จะมอบให้ผู้อื่นกระทำการแทนไม่ได้ เว้นแต่ที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 64 แต่ถ้าเป็นกิจการซึ่งไม่มีความสำคัญซึ่งโดยสภาพเห็นได้ว่า ไม่จำเป็นที่ตัวความหรือทนายความจะต้องกระทำด้วยตนเองแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่ตัวความหรือทนายความจะต้องกระทำด้วยตนเองการที่นายอำพลทนายความโจทก์มอบฉันทะให้นายพรรษามายื่นฟ้องคดีนี้ เห็นได้ว่าเป็นกิจการซึ่งไม่มีความสำคัญซึ่งโดยสภาพไม่จำเป็นที่ทนายความจะต้องกระทำด้วยตนเองนายอำพลทนายโจทก์จึงมอบฉันทะให้นายพรรษามาแทนได้ ตามนัยคำพิพากษาฎีกาซึ่งวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ที่ 321/2503 แม้นายพรรษาจะเป็นลูกจ้างโจทก์มีตำแหน่งป็นนิติกรโท ก็ไม่มีกฎหมายห้ามไม่ให้นายพรรษามาทำหน้าที่เป็นเสมียนทนายนายอำพลทนายโจทก์ได้ เมื่อใบมอบฉันทะระบุว่านายพรรษาเป็นเสมียนทนายโจทก์ นายพรรษาก็มีฐานะเป็นเสมียนทนายโจทก์ เมื่อจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้หรือมิได้ถามค้านไว้ก็ไม่จำเป็นที่นายพรรษาจะต้องเบิกความว่า ได้รับมอบฉันทะจากนายอำพลทนายโจทก์ให้มายื่นฟ้องในฐานะเสมียนทนายความอีก จึงไม่ต้องปิดอากรแสตมป์ 5 บาทหรือ 10 บาท แล้วแต่กรณีโดยได้รับยกเว้นตามประมวลรัษฎากร พิพากษายืน

Share