คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1978/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พนักงานสอบสวนขอฝากขังผู้ร้องต่อศาลมณฑลทหารบกที่ 3(ศาลจังหวัดชัยภูมิ) ผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านว่าพนักงานสอบสวนควบคุมผู้ร้องเกินอำนาจ เป็นการขังโดยผิดกฎหมายศาลมณฑลทหารบกที่ 3 (ศาลจังหวัดชัยภูมิ) ไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่าการควบคุมของพนักงานสอบสวนชอบแล้ว จึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ร้องได้ ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวศาลมณฑลทหารบกที่ 3 (ศาลจังหวัดชัยภูมิ) สั่งรับอุทธรณ์และส่งสำนวนมายังศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำร้องโดยวินิจฉัยว่า ผู้ร้องไม่ได้ถูกควบคุมหรือขังในระหว่างสอบสวนแล้วจึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยต่อไปว่าพนักงานสอบสวนควบคุมผู้ร้องไว้ชอบหรือไม่ ดังนี้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ย่อมไม่ชอบ เพราะคดีนี้ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลทหารในเวลาไม่ปกติ จึงอยู่ในเขตอำนาจของศาลทหาร และเมื่อผู้ร้องฎีกาต่อมาขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยตามคำร้องของผู้ร้องศาลฎีกาจึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และยกฎีกาของผู้ร้อง

ย่อยาว

คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลมณฑลทหารบกที่ 3 (ศาลจังหวัดชัยภูมิ) ว่าเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2521 พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองชัยภูมิ ยื่นคำร้องต่อศาลมณฑลทหารบกที่ 3 (ศาลจังหวัดชัยภูมิ) ว่าได้ควบคุมผู้ร้องไว้สอบสวนดำเนินคดีอาญาในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น โดยไตร่ตรองไว้ก่อนตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2521 จะครบ 7 วันแล้ว แต่ยังสอบสวนไม่เสร็จ จำเป็นต้องขอให้ศาลสั่งขังผู้ร้องต่อไปมีกำหนด 12 วัน นับตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม2521 ถึงวันที่ 8 มกราคม 2522 นั้น ความจริงผู้ร้องถูกควบคุมตัวที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองเลยตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2521 เวลา 19.30 นาฬิกาพนักงานสอบสวนมายื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งขังผู้ร้องวันที่ 28 ธันวาคม 2521พ้นกำหนด 7 วัน เกินอำนาจควบคุมของพนักงานสอบสวนแล้ว เป็นการขังโดยผิดกฎหมาย

ศาลมณฑลทหารบกที่ 3 (ศาลจังหวัดชัยภูมิ) ไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่าผู้ร้องถูกจับที่จังหวัดเลย และถูกส่งตัวมาถึงสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองชัยภูมิเมื่อเวลา 1 นาฬิกาเศษของวันที่ 22 ธันวาคม 2521 ระยะเวลาเดินทางไม่นับรวมเข้าด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 87ที่พนักงานสอบสวนขอให้ศาลสั่งขังผู้ร้องในวันที่ 28 ธันวาคม 2521 ยังไม่เกิน 7 วัน จึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ร้องได้ตามกำหนดในคำร้องขอฝากขังของพนักงานสอบสวน

ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลมณฑลทหารบกที่ 3 (ศาลจังหวัดชัยภูมิ) ส่งสำนวนมายังศาลอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า หลังจากที่ผู้ร้องยื่นอุทธรณ์แล้ว อัยการศาลมณฑลทหารบกที่ 3 (อัยการจังหวัดชัยภูมิ) ได้ยื่นฟ้องผู้ร้องกับพวกต่อศาลมณฑลทหารบกที่ 3 (ศาลจังหวัดชัยภูมิ) ฐานใช้จ้างวานให้ผู้อื่นกระทำความผิดพยายามฆ่าผู้อื่น และมีวัตถุระเบิดโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งศาลรับประทับฟ้องไว้พิจารณาแล้ว การควบคุมผู้ร้องในระหว่างสอบสวนย่อมเป็นอันสิ้นสุด จึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยต่อไปว่าพนักงานสอบสวนควบคุมผู้ร้องไว้เกิน 7 วัน เพราะผู้ร้องมิได้ถูกควบคุมหรือขังในระหว่างสอบสวนต่อไปอีกแล้ว พิพากษาให้ยกอุทธรณ์ของผู้ร้อง

ผู้ร้องฎีกา ขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยตามคำร้องของผู้ร้อง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนขอฝากขังผู้ร้องต่อศาลมณฑลทหารบกที่ 3 (ศาลจังหวัดชัยภูมิ) ผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านว่าพนักงานสอบสวนควบคุมผู้ร้องเกินอำนาจ เป็นการขังโดยผิดกฎหมาย ศาลมณฑลทหารบกที่ 3 (ศาลจังหวัดชัยภูมิ) ไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่าการควบคุมของพนักงานสอบสวนชอบแล้ว จึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ร้องได้ ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลมณฑลทหารบกที่ 3 (ศาลจังหวัดชัยภูมิ) ดังกล่าว ศาลมณฑลทหารบกที่ 3 (ศาลจังหวัดชัยภูมิ) สั่งรับอุทธรณ์ แต่กลับส่งสำนวนมายังศาลอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้โดยที่คดีนี้เป็นการอุทธรณ์คำสั่งของศาลทหารในเวลาไม่ปกติ ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจของศาลทหารคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบ

พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และยกฎีกาของผู้ร้อง

Share