แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยบังอาจทำแบบพิมพ์อันเป็นเครื่องมือสำหรับปลอมเหรียญกระษาปณ์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 246 ทางพิจารณาไม่ได้ความว่าจำเลยทำแบบพิมพ์อันเป็นเครื่องมือสำหรับปลอมเหรียญกระษาปณ์ได้ความเพียงว่าจำเลยมีเครื่องมือหรือวัตถุสำหรับปลอมเงินตราไว้ในครอบครอง ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาจึงต่างกับข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้อง และข้อแตกต่างมิใช่เป็นเพียงรายละเอียดของการกระทำผิด แต่เป็นกรณีที่โจทก์บรรยายฟ้องถึงการกระทำคนละฐานความผิดกับที่ศาลพิจารณาได้ความ แม้ว่าการมีเครื่องมือหรือวัตถุสำหรับปลอมเงินตราไว้ในครอบครองจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 246 ด้วย แต่ก็เป็นความผิดคนละฐานกับที่โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยกระทำ จึงลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 246 ไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 2521 ถึงวันที่ 16 มิถุนายน2521 ทั้งเวลากลางวันและกลางคืนตลอดมา จำเลยได้กระทำผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกระทง กล่าวคือจำเลยได้บังอาจทำแบบพิมพ์อันเป็นเครื่องมือสำหรับปลอมเหรียญกษาปณ์ชนิดราคาเหรียญละ 5 บาท จำนวน 1 แบบพิมพ์ ซึ่งรัฐบาลออกให้อยู่ในปัจจุบันเพื่อใช้ในการปลอมเงินตราดังกล่าวและจำเลยได้บังอาจใช้เครื่องมือดังกล่าวทำปลอมขึ้นซึ่งเงินตราเพื่อใช้เป็นเหรียญกษาปณ์ชนิดราคาเหรียญละ 5 บาท กับมีเงินที่จำเลยปลอมขึ้นเป็นเหรียญกษาปณ์ชนิดราคาเหรียญละ 5 บาท จำนวน 50 เหรียญ เพื่อนำออกใช้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นเหรียญปลอม เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 240, 244, 246 ขอให้ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเชื่อว่าจำเลยมีเครื่องมือสำหรับปลอมเงินตราไว้ในครอบครอง แต่ไม่ปรากฏว่ามีพยานโจทก์ผู้ใดเห็นจำเลยทำเหรียญปลอมขึ้นเองจึงไม่พอฟังลงโทษจำเลยฐานทำเหรียญปลอม และฟังว่าพฤติการณ์ของจำเลยแสดงอย่างแน่ชัดว่าจำเลยมีและนำเหรียญปลอมออกใช้ทอนให้แก่ลูกค้าที่มาซื้อของจากร้านของจำเลย พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานมีเครื่องมือหรือวัตถุสำหรับปลอมเงินตราไว้ในครอบครองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 246 จำคุก 5 ปี และมีความผิดฐานมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งเหรียญชนิด 5 บาทปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 244 จำคุก 2 ปี รวมลงโทษจำคุก 7 ปี ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยกของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลยในปัญหาข้อเท็จจริง เพราะความผิดแต่ละกระทงศาลล่างทั้งสองพิพากษายืนตามกันมาโดยให้จำคุกกระทงละไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยยังไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 246 นั้น ปรากฏว่าโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้บังอาจทำแบบพิมพ์อันเป็นเครื่องมือสำหรับปลอมเหรียญกษาปณ์ แต่ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเชื่อว่าจำเลยมีเครื่องมือหรือวัตถุสำหรับปลอมเงินตราไว้ในครอบครองซึ่งศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อทางพิจารณาของศาลไม่ได้ความว่าจำเลยได้ทำแบบพิมพ์อันเป็นเครื่องมือสำหรับปลอมเหรียญกษาปณ์ตามที่โจทก์บรรยายไว้ในฟ้อง แต่ได้ความเพียงว่าจำเลยมีเครื่องมือสำหรับปลอมเงินตราไว้ในครอบครอง ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาจึงแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้อง และข้อแตกต่างนี้มิใช่เป็นเพียงรายละเอียดของการกระทำผิด แต่เป็นกรณีที่โจทก์บรรยายฟ้องถึงการกระทำคนละฐานความผิดกับที่ศาลพิจารณาได้ความ แม้ว่าการมีเครื่องมือหรือวัตถุสำหรับปลอมเงินตราไว้ในครอบครอง จะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 246 ด้วย แต่ก็เป็นความผิดคนละฐานกับที่โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยกระทำ ศาลจึงลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 246 ไม่ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 246 ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 246 เสียด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์