แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องด้วยวาจาขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358,360 เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชอบที่จะพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา 358 ได้ ส่วนกรณีตามมาตรา 360 ไม่ต้องด้วยพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ.2520 มาตรา 3 ฟ้องโจทก์ในส่วนนี้จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ชอบที่ศาลจะพิพากษายกฟ้องในส่วนนี้เสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 161
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำให้เสียหาย ทำลาย โดยใช้เท้าถีบโอ่งน้ำบรรจุน้ำให้ประชาชนดื่มแตก 1 ใบ ราคา 60 บาท และทำลายหลอดไฟนีออนแตก 1 หลอดราคา 40 บาท รวมราคา 100 บาท ของจ่าสิบตำรวจสุริยะซึ่งอยู่ที่ตู้ยามตำรวจห้วยหลัว อันเป็นทรัพย์ที่มีไว้เพื่อสาธารณะประโยชน์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358, 360
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 358 ส่วนความผิดตามมาตรา 360 เกินอำนาจศาลแขวง โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องด้วยวาจาตามพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด ลงโทษจำเลยตามมาตรา 358 (ศาลชั้นต้นไม่ได้พิพากษายกฟ้องในความผิดตามมาตรา 360)
โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 360 ด้วย และจำเลยรับสารภาพแล้ว ศาลลงโทษแต่ตามมาตรา 358 จึงไม่ชอบ ชอบที่จะพิพากษายกฟ้องแล้วให้โจทก์ทำคำฟ้องเป็นหนังสือ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยด้วยวาจาในข้อทำให้เสียทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358 และมาตรา 360 เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา 358 เพราะโจทก์ได้มีคำขอให้ลงโทษตามมาตรานี้ด้วย ส่วนมาตรา 360 เมื่อกรณีไม่ต้องด้วยพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ. 2520 มาตรา 3 ฟ้องโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับบทกฎหมายดังกล่าวจึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ชอบที่จะยกฟ้องในส่วนนี้เสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 161 และเมื่อศาลได้พิพากษาในปัญหาข้อนี้แล้ว ก็ไม่ชอบที่จะให้โจทก์ทำคำฟ้องมาเป็นหนังสือดังโจทก์ฎีกา
พิพากษายืน