คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3254/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นหนี้อาจำเลย โจทก์จ่ายเงินให้อาจำเลยไป20,000 บาท และให้จำเลยทำสัญญาว่าจะผ่อนคืนให้โจทก์เดือนละ 300 บาทจำเลยทำสัญญากู้ให้โจทก์ก็เพื่อให้โจทก์ยอมชำระหนี้แก่อาจำเลย โดยจำเลยไม่ได้รับเงินหรือมีมูลหนี้ที่จะต้องชำระให้โจทก์ตามสัญญากู้ สัญญากู้จึงไม่สมบูรณ์

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยใช้เงิน 34,500 บาทให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ย จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่าโจทก์กับจำเลยเคยจดทะเบียนสมรสกันเมื่อ พ.ศ. 2514 มีบุตรด้วยกัน 1 คน และได้จดทะเบียนหย่ากันเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2516 ในวันจดทะเบียนหย่ากันนี้ จำเลยได้ทำหนังสือสัญญากู้ให้โจทก์ไว้ตามเอกสารหมาย จ.1 คดีมีปัญหาวินิจฉัยว่า สัญญากู้บริบูรณ์หรือไม่ เพราะจำเลยต่อสู้ว่า จำเลยไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้ ซึ่งปัญหานี้ศาลฎีกาเห็นว่าพยานจำเลยมีน้ำหนักและเหตุผลน่าเชื่อว่าพยานโจทก์ เพราะทางพิจารณาไม่ปรากฏว่าโจทก์ประกอบอาชีพอะไรเป็นหลักฐาน เมื่อระหว่างโจทก์อยู่กินกับจำเลยก็ต้องเช่าบ้านผู้อื่นอยู่ที่ดินที่โจทก์ได้รับมรดกมาจากตาก็เนื้อที่เพียง 103 หรือ 105 ตารางวาขายได้เงินเพียง 100,000 บาท เงินค่าถมที่ 20,000 บาทก็ต้องยืมผู้อื่นเมื่อโจทก์กับจำเลยหย่ากันตามข้อตกลงในทะเบียนหย่าเอกสารหมาย จ.2บุตรก็ต้องอยู่กับจำเลย แสดงว่าฐานะการเงินของโจทก์คงไม่ดีถึงกับจะมีเงินให้ผู้อื่นยืมเป็นจำนวนมากถึง 36,000 บาท ให้ผ่อนชำระเดือนละ 300 บาทเป็นเวลา 10 ปี โดยไม่คิดดอกเบี้ยเป็นค่าตอบแทนเลย และที่โจทก์บันทึกไว้ด้านหลังสัญญาว่าจำเลยได้นำเงินชำระแล้ว 5 งวด เป็นเงิน 1,600 บาท ก็มีข้อความสับสนงวดประจำเดือนเมษายน ชำระซ้ำกันถึง 2 ครั้ง ทั้งเป็นที่บันทึกที่โจทก์ทำขึ้นฝ่ายเดียว จำเลยมิได้รู้เห็นด้วย จะนำมาใช้ยันจำเลยมิได้ และถ้าจำเลยผ่อนชำระแล้วจริง โจทก์ก็ไม่น่าจะมีหนังสือทวงให้จำเลยชำระหนี้เต็ม36,000 าท ตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 โดยไม่หักส่วนที่จำเลยชำระแล้วออกก่อน ยิ่งกว่านั้นสัญญากู้ยังทำให้วันที่จำเลยกับโจทก์จดทะเบียนหย่ากันเหตุที่หย่ากันก็เพราะมีเรื่องระหองระแหงกันในครอบครัว ไม่มีเหตุผลอันใดที่โจทก์จะให้เงินจำเลยกู้ รูปคดีมีเหตุผลฟังได้ตามที่จำเลยนำสืบว่าจำเลยทำสัญญากู้ให้โจทก์ก็เพื่อให้โจทก์ยอมชำระหนี้ที่โจทก์เป็นหนี้อาจำเลยอยู่20,000 บาท โดยจำเลยไม่ได้รับเงินหรือมีมูลหนี้ที่จะต้องชำระให้โจทก์ตามสัญญากู้เอกสารหมาย จ.1 นี้เลย สัญญากู้นี้จึงไม่สมบูรณ์”

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share