คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2110/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์อ้างว่าโจทก์ได้รับค่าครองชีพ จำเลยให้การปฏิเสธโจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบ แต่โจทก์มิได้นำสืบประเด็นข้อนี้ จึงจะฟังว่าโจทก์ได้รับค่าครองชีพไม่ได้ ที่ศาลฟังว่าโจทก์ได้รับค่าครองชีพ และนำไปรวมกับค่าจ้างเป็นเกณฑ์คำนวณค่าชดเชย จึงเป็นการไม่ชอบ

ย่อยาว

ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์เป็นเงิน17,850 บาท จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ที่จำเลยอุทธรณ์ว่า ศาลแรงงานกลางฟังว่าโจทก์ได้รับค่าจ้างเป็นค่าครองชีพอีกเดือนละ 300 บาท นอกเหนือไปจากเงินเดือน และนำเงินรายนี้ไปรวมเป็นเกณฑ์คำนวณค่าชดเชย เป็นการไม่ชอบ เพราะโจทก์มิได้นำสืบให้เห็นตามข้ออ้างนั้น เห็นว่า โจทก์อ้างว่าโจทก์ได้รับค่าครองชีพ จำเลยให้การปฏิเสธ โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบ แต่โจทก์มิได้นำสืบประเด็นข้อนี้ จึงจะฟังว่าโจทก์ได้รับค่าครองชีพไม่ได้ ที่ศาลแรงงานกลางรับฟังว่าโจทก์ได้รับค่าครองชีพและนำไปรวมกับค่าจ้างเป็นเกณฑ์คำนวณค่าชดเชยเป็นการไม่ชอบ ต้องหักค่าชดเชยซึ่งคำนวณได้จากค่าครองชีพเป็นเวลา 90 วันเป็นเงิน 900 บาท คงเหลือเป็นเงินค่าชดเชย ซึ่งจำเลยจะต้องจ่ายให้โจทก์อีกเพียง 16,950 บาท ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์ 17,850 บาทนั้นไม่ถูกต้อง และไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่คัดค้านว่าค่าครองชีพมิใช่ค่าจ้างอีกต่อไป

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้ค่าชดเชยให้โจทก์ 16,950 บาท”

Share