คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1997/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยถูกอัยการฟ้องข้อหากระทำผิดต่อ พระราชบัญญัติจราจรทางบกซึ่งโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ทั้งถือไม่ได้ว่าพนักงานอัยการอยู่ในฐานะฟ้องคดีแทนโจทก์ คำพิพากษายกฟ้องคดีอาญาจึงไม่ผูกพันโจทก์ ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจึงไม่จำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาส่วนอาญา

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า มูลกรณีที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยที่ 1 กระทำละเมิดคดีนี้ พนักงานอัยการประจำศาลแขวงอุดรธานีได้ฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นคดีอาญา ข้อหาขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย ศาลแขวงอุดรธานีวินิจฉัยว่าพยานโจทก์ที่นำสืบไม่พอฟังว่า เหตุเกิดขึ้นเพราะความประมาทของจำเลย (จำเลยที่ 1 คดีนี้) พิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุด ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 977/2522 มีปัญหาขึ้นสู่การวินิจฉัยของศาลฎีกาว่า ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งนี้ ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาดังกล่าวหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 977/2522 นั้น จำเลยที่ 1 ถูกฟ้องข้อหากระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติจราจรทางบก ซึ่งโจทก์นี้ไม่มีอำนาจฟ้องในข้อหาดังกล่าว ทั้งถือไม่ได้ว่าพนักงานอัยการอยู่ในฐานะฟ้องคดีแทนโจทก์ คำพิพากษาคดีอาญาจึงไม่ผูกพันโจทก์คดีนี้ ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจึงไม่ต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาสวนอาญา ทั้งนี้ตามแบบอย่างคำพิพากษาฎีกาที่ 1382/2524 ระหว่าง บริษัทอาหารเย็นขนส่ง จำกัด โดยนายศักดา สังขะทรัพย์ กรรมการ โจทก์ บริษัทขนส่ง จำกัด จำเลย”

พิพากษายืน

Share