คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1991/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การได้มาซึ่งการครอบครองที่ดินมือเปล่าโดย แย่งการครอบครองนั้น จำเลยมีหน้าที่นำสืบว่า จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทก่อนโจทก์ฟ้อง เกินกว่า 1 ปีแล้ว

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกจากที่พิพาท ห้ามเข้าไปเกี่ยวข้องศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ปัญหาเรื่องที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือจำเลยนั้น เห็นว่าโจทก์มีนายกาใจ คณะรินทร์ ซึ่งมีที่ดินอยู่ติดกับที่พิพาทและเป็นผู้ใหญ่บ้านท้องที่ตั้งแต่ พ.ศ. 2493 จนถึง พ.ศ. 2520 กับนายปั่น ปัญญาช่วยซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านต่อจากนายกาใจจนบัดนี้ เบิกความว่า ที่พิพาทเป็นของจ่าสิบตำรวจอรุณกับโจทก์ เฉพาะนายปั่น ปัญญาช่วย ยังเบิกความว่าเมื่อปีพ.ศ. 2521 จำเลยได้มาบอกพยานว่าจะขอจับจองที่ดินแปลงนี้ พยานบอกว่าที่ดินมีเจ้าของแล้ว แม้นายอนันต์ เจริญพิทยา พยานจำเลยซึ่งรับราชการเป็นช่างรังวัด ออกไปรังวัดที่พิพาทตามคำขอจับจองของจำเลยก็เบิกความว่า สภาพของที่พิพาทบางแห่งเคยปลูกข้างไร่มาแล้ว คดีฟังได้ว่า ที่พิพาทไม่ใช่ที่รกร้างว่างเปล่า แต่เป็นที่ดินที่โจทก์ครอบครองมาก่อน ปัญหาเรื่องจำเลยเข้าไปแย่งการครอบครองเมื่อไรนั้น ตัวจำเลยขอเบิกความว่า หลังจากที่มีประกาศเรื่องจำเลยขอจับจองที่พิพาทแล้ว จำเลยจึงได้นำรถแทรกเตอร์ไปบุกเบิกและปลูกกระต๊อบในที่พิพาท ทางราชการได้ออกประกาศเรื่องจำเลยขอจับจองที่พิพาทตามเอกสารหมาย ล.4 เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2521 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2522 จำเลยจะนำรถแทรกเตอร์เข้าไปไถที่พิพาทและปลูกกระต๊อบในที่พิพาทภายหลังจากที่ทางราชการได้ออกประกาศเรื่องจำเลยขอจับจองที่พิพาทช้าเร็วแค่ไหนไม่ปรากฏข้อเท็จจริง ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 84 จำเลยมีหน้าที่นำสืบว่าจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทก่อนโจทก์ฟ้องเกินกว่า 1 ปีแล้ว เมื่อจำเลยมิได้นำสืบให้ปรากฏเช่นนั้นก็ไม่อาจสันนิษฐานให้เป็นผลร้ายแก่โจทก์ได้ต้องฟังตามที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยเข้าแย่งการครอบครองที่พิพาทเมื่อเดือนมกราคม 2522 โจทก์ฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองภายในปีหนึ่งนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 ที่พิพาทเป็นของโจทก์ ”

พิพากษายืน

Share