แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ค่าทนายความเป็นส่วนหนึ่งของค่าฤชาธรรมเนียม ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 ศาลมีอำนาจที่จะพิพากษาให้คู่ความฝ่ายที่แพ้คดีเสียค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงรวมทั้งค่าทนายความนั้นได้ แม้โจทก์เป็นหน่วยราชการมีพนักงานอัยการเป็นทนายความ ศาลก็ใช้ดุลพินิจกำหนดค่าทนายความให้จำเลย ใช้แทนโจทก์ได้
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 160,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า ศาลไม่ควรกำหนดค่าทนายความให้จำเลยใช้แทนโจทก์ เพราะผู้เป็นทนายความให้โจทก์เป็นพนักงานอัยการเป็นข้าราชการที่มีเงินเดือนประจำอยู่แล้วนั้น เห็นว่าค่าทนายความเป็นส่วนหนึ่งของค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 ศาลมีอำนาจที่จะพิพากษาให้คู่ความฝ่ายที่แพ้คดีเสียค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงทั้งค่าทนายความนั้นได้ ทั้งนี้ศาลจะใช้ดุลพินิจ โดยคำนึงถึงเหตุผลสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือการดำเนินคดีของคู่ความทั้งปวง ฉะนั้น เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายแพ้คดี แม้โจทก์เป็นหน่วยราชการมีพนักงานอัยการเป็นทนายความ ศาลก็ย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจพิพากษาให้จำเลยรับผิดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมรวมทั้งค่าทนายความที่กำหนดแทนโจทก์ได้”
พิพากษายืน