แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท ซึ่งโจทก์เช่ามาจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยในระหว่างการบังคับคดีปรากฏว่าสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์บอกเลิกสัญญาเช่าที่พิพาทกับโจทก์ โจทก์จึงไม่อาจอ้างถึงมูลอันชอบด้วยกฎหมายเพื่อให้ได้ใช้หรือได้รับประโยชน์จากที่พิพาทต่อไป กรณี มีเหตุสมควรงดการบังคับคดีไว้ เพราะจำเลยอาจติดต่อขออยู่ในที่พิพาท ได้ในฐานะเป็นผู้มีสิทธิโดยตรงจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยจากที่พิพาท ในระหว่างบังคับคดี สำนักงานทรัพย์สินฯ บอกเลิกสัญญาเช่าที่พิพาทกับโจทก์ ศาลชั้นต้นสั่งให้รอการบังคับคดีไว้ชั่วคราว ให้โจทก์ไปว่ากล่าวกับสำนักงานทรัพย์สินฯ ก่อน หากโจทก์มีหลักฐานว่าโจทก์มีสิทธิเช่าที่ดินต่อไปจะได้ยกขึ้นพิจารณา ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าศาลชั้นต้นงดการบังคับคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ปรากฏข้อเท็จจริงว่าศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยและให้จำเลยรื้อถอนบ้านเลขที่ 507 ออกไปจากที่ดินของโจทก์ที่โจทก์เช่ามาจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ในระหว่างการบังคับคดีตามคำพิพากษา ปรากฏว่าสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มีอำนาจบอกเลิกสัญญาเช่าที่ดินดังกล่าวกับโจทก์ และได้บอกเลิกสัญญาเช่าที่ดินนั้นแล้วเช่นนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า ทำให้ฐานะของโจทก์เปลี่ยนเป็นว่าโจทก์ไม่อาจอ้างถึงมูลอันชอบด้วยกฎหมายเพื่อให้ได้ใช้หรือได้รับประโยชน์จากที่ดินรายนี้ต่อไปแล้ว ถ้าหากจะบังคับให้จำเลยรื้อถอนบ้านออกไปจะเกิดเสียหายแก่จำเลยอย่างมาก เพราะจำเลยอาจติดต่อขออยู่ในรายนี้ได้ในฐานะเป็นผู้มีสิทธิโดยตรงจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ก็ได้ จึงมีเหตุสมควรงดการบังคับคดีไว้ ที่ศาลล่างทั้งสองสั่งงดการบังคับคดีไว้เป็นการสั่งงดการบังคับคดีไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292(2) ชอบแล้ว”
พิพากษายืน