แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลพิพากษาให้จำเลยโอนนาพิพาทในราคา 124,545 บาทแก่โจทก์ใน 1 เดือน ศาลชั้นต้นออกคำบังคับแก่จำเลยให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 15 วัน ไม่ได้ออกคำบังคับแก่โจทก์ จำเลยมีสิทธิร้องขอให้ออกคำบังคับแก่โจทก์ และบังคับคดีได้ภายใน 10 ปี ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 คำพิพากษาไม่ได้กำหนดให้ถือว่า โจทก์ผิดนัดหรือสละสิทธิถ้าไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกคำร้องของจำเลยที่ขอให้ยกเลิกการบังคับคดีตามพิพากษา จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่พร้อมที่จะซื้อที่พิพาทดังกล่าวอ้าง และตกเป็นผู้ผิดนัดไม่ปฏิบัติการชำระหนี้โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ เป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหายและเสียเปรียบหากจะถือว่าโจทก์มีสิทธิบังคับคดีได้ภายใน 10 ปี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 นั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การบังคับคดีย่อมต้องอาศัยคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลเป็นหลักแห่งคำบังคับดังที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 บัญญัติว่า “ถ้าคู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดี (ลูกหนี้ตามคำพิพากษา) มิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลทั้งหมดหรือบางส่วน คู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะ (เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา) ชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นได้ภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาหรือคำสั่งโดอาศัยและตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น” คดี้นี้ปรากฏว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามโอนนาพิพาทในราคา 124,545บาท ให้แก่โจทก์ภายในระยะเวลา 1 เดือน นับแต่วันพิพากษาหากจำเลยทั้งสามไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสาม ปรากฏว่าศาลชั้นต้นออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 15 วันยังไม่มีการออกคำบังคับให้โจทก์ปฏิบัติตามคำพิพากษา เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลา1 เดือน นับแต่วันที่มีคำพิพากษาแล้วจะถือว่าโจทก์ผิดนัดหรือสละสิทธิในการซื้อที่พิพาทย่อมไม่ได้ เพราะคำพิพากษามิได้กล่าวไว้เช่นนั้น เมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติคำพิพากษาจำเลยย่อมมีสิทธิที่จะร้องขอให้ศาลออกคำบังคับแก่โจกท์ตามประมวลหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 272 และขอให้ดำเนินการบังคับคดีให้โจทก์ปฏิบัติตามคำพิพากษาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 271 ทั้งโจทก์ในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาย่อมร้องขอให้บังคับคดีโดยใช้สิทธิซื้อที่พิพาทได้ภายใน 10 ปี อันเป็นการใช้สิทธิตามคำพิพากษาของศาล ทั้งนี้ตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ 784/2509 ระหว่าง นางผาด สีสุก กับพวก โจกท์ นายกวี เหวียนระวี จำเลย ดังที่ศาลอุทธรณ์กล่าวอ้าง และคำพิพากษาฎีกาที่ 657/2517 ระหว่าง นางอุบล วสุวัต โจทก์ นายบุญเลิศ กุลประดิษฐ์ จำเลย”
พิพากษายืน