คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3242/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ตามหนังสือรับสภาพหนี้เป็นเพียงจำเลยที่ 4 ในฐานะผู้จัดการมรดกและทายาทของ ด. ยอมรับสภาพหนี้ของ ด. ต่อโจทก์ หากจะมีผลผูกพันจากการรับสภาพหนี้ กองมรดกของ ด. เท่านั้นที่จะต้องรับผิดในหนี้สินตามหนังสือรับสภาพหนี้ ไม่อาจถือได้ถึงขนาดว่าจำเลยที่ 4 ยอมเข้าผูกพันตนเป็นลูกหนี้แทนในลักษณะแปลงหนี้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ โจทก์จึงนำหนี้ตามฟ้องมาฟ้องจำเลยที่ 4 ในฐานะผู้จัดการมรดกของ ด. ให้ล้มละลายไม่ได้ชอบที่จะฟ้องขอให้จัดการทรัพย์มรดกของ ด. ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ ต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์ จำเลยที่ 2เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ จำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 3 และนายแดง หลิมสกุลค้ำประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 4 ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายแดงได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้โดยยินยอมรับผิดชำระหนี้แทนจำเลยที่ 1ตามภาระการค้ำประกันที่นายแดงมีต่อโจทก์ เมื่อจำเลยที่ 1 ผิดนัดชำระหนี้โจทก์มีหนังสือทวงถาม จำเลยทั้งสี่ได้รับหนังสือทวงถามจากโจทก์ให้ชำระหนี้แล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง ซึ่งมีระยะเวลาห่างกันไม่น้อยกว่า 30 วัน แต่จำเลยทั้งสี่ไม่ชำระหนี้ทั้งไม่มีทรัพย์สินอย่างหนึ่งอย่างใดที่จะพึงยึดมาชำระหนี้ได้พฤติการณ์มีเหตุให้สันนิษฐานตามกฎหมายว่าจำเลยทั้งสี่มีหนี้สินล้นพ้นตัวขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสี่เด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ล้มละลาย

จำเลยทั้งสี่ไม่ยื่นคำให้การ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 1 และที่ 2เด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ตามมาตรา 14 ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยหักจากกองทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 และที่ 2 เฉพาะค่าทนายความให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนดตามที่เห็นสมควร ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3 และที่ 4 ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 3 และที่ 4 ให้เป็นพับ

โจทก์ จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “ตามหนังสือรับสภาพหนี้เอกสารหมาย จ.4 เป็นเพียงจำเลยที่ 4 ในฐานะผู้จัดการมรดกและทายาทของนายแดงยอมรับสภาพหนี้ของนายแดงต่อโจทก์ หากจะมีผลผูกพันจากการรับสภาพหนี้ กองมรดกของนายแดงเท่านั้นที่จะต้องรับผิดในหนี้สินตามที่ปรากฏในหนังสือรับสภาพหนี้ไม่อาจถือได้ถึงขนาดว่าจำเลยที่ 4ยอมเข้าผูกพันตนเป็นลูกหนี้แทนในลักษณะแปลงหนี้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ดังที่โจทก์ฎีกา จำเลยที่ 4 จึงมิใช่ลูกหนี้โดยตรงของโจทก์แม้จำเลยที่ 4จะเป็นทายาทมีสิทธิรับมรดกแต่ก็รับผิดไม่เกินทรัพย์มรดกที่ตกทอดแก่ตนโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ไม่อาจก้าวล่วงไปบังคับเอาแก่ทรัพย์สินของจำเลยที่ 4ที่มิใช่ทรัพย์มรดก ประกอบกับหนี้ตามฟ้องเป็นหนี้ที่นายแดงก่อขึ้นเองหากนายแดงยังคงมีชีวิตอยู่ นายแดงอาจถูกฟ้องขอให้ล้มละลายได้นายแดงจึงมีหน้าที่และความรับผิดตามกฎหมายล้มละลายต่อโจทก์และเป็นหน้าที่และความรับผิดโดยเฉพาะของนายแดงไม่ใช่เป็นมรดกที่จะตกทอดแก่จำเลยที่ 4 ผู้เป็นทายาทหรือผู้จัดการมรดกของนายแดง โจทก์จึงนำหนี้ตามฟ้องมาฟ้องจำเลยที่ 4 ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายแดงให้ล้มละลายไม่ได้ แต่ชอบที่จะฟ้องขอให้จัดการทรัพย์มรดกของนายแดงตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 82

สำหรับจำเลยที่ 3 ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 3 มีหนี้สินล้นพ้นตัวไม่อาจชำระหนี้โจทก์ได้ทั้งหมด ทั้งไม่มีเหตุอื่นที่ไม่ควรให้จำเลยที่ 3 ล้มละลายที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน”

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 3 เด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share