แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยมีความผิดฐานจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 30 วรรคหนึ่ง 82 เท่านั้น แต่จำเลยมิได้มีความผิดฐานฉ้อโกงตามฟ้องด้วย พนักงานอัยการโจทก์จึงไม่มีอำนาจเรียกทรัพย์หรือราคาแทนผู้เสียหายเพราะไม่ใช่เป็นความผิดตามที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 43 ทั้งตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528ก็มิได้ให้อำนาจพนักงานอัยการโจทก์ที่จะเรียกทรัพย์สินหรือราคาแทนผู้เสียหายได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยหลอกลวงนายประจิตร์ สวยไทสง นายบุญเชิด เจริญบุตร นางเจียว เสนชัย และนางทีม เปลี่ยมกลาง ผู้เสียหายที่ 1 ถึงที่ 4ตามลำดับ ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดข้อความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้งว่า จำเลยสามารถหางานและจัดส่งคนหางานไปทำงานในประเทศสิงคโปร์ได้โดยจะได้รับค่าจ้างเดือนละ 15,000 บาท แต่จะต้องเสียค่าบริการในการจัดหางานคนละ 40,000 บาท ให้แก่จำเลยเป็นการตอบแทน โดยนางเจียว และนางทีม ต่างประสงค์ให้นายประชา สาโสภา และนายบุญมี เปลี่ยมกลาง ตามลำดับไปทำงานในประเทศสิงคโปร์ อันเป็นความเท็จ ซึ่งความจริงแล้วจำเลยไม่สามารถจัดส่งคนงานไปทำงานตามตำแหน่งและอัตราค่าจ้างดังกล่าวตามที่หลอกลวงได้ ทำให้ผู้เสียหายทั้งสี่หลงเชื่อจ่ายเงินคนละ 40,000 บาท รวมเป็นเงิน 160,000 บาท ให้แก่จำเลย และจำเลยจัดหางานให้ผู้เสียหายที่ 1 ผู้เสียหายที่ 2 นายประชาและนายบุญมี ซึ่งเป็นคนหางานเพื่อไปทำงานในประเทศสิงคโปร์ โดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 4, 30, 82, 91 ตรี ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 91 และให้จำเลยคืนหรือใช้เงินที่ยังไม่ได้คืนจำนวน 160,000 บาท แก่ผู้เสียหายทั้งสี่
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 30 วรรคหนึ่ง, 82 จำคุก 3 ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินที่ยังไม่ได้คืนจำนวน 160,000 บาท แก่ผู้เสียหายทั้งสี่ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับ 60,000 บาท อีกสถานหนึ่งลดโทษให้หนึ่งในสามตาม คงจำคุก 2 ปี ปรับ 40,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ยกคำขอที่ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินที่ยังไม่ได้คืนจำนวน 160,000 บาท แก่ผู้เสียหายทั้งสี่ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกคำขอที่ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินที่ยังไม่ได้คืนจำนวน160,000 บาท แก่ผู้เสียหายทั้งสี่ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น เห็นว่า เมื่อจำเลยมีความผิดฐานจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528มาตรา 30 วรรคหนึ่ง 82 เท่านั้น มิได้มีความผิดฐานฉ้อโกงตามฟ้องด้วย พนักงานอัยการโจทก์จึงไม่มีอำนาจเรียกทรัพย์สินหรือราคาแทนผู้เสียหาย เพราะไม่ใช่เป็นความผิดตามที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43ทั้งตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 ก็มิได้ให้อำนาจพนักงานอัยการโจทก์ที่จะเรียกทรัพย์สินหรือราคาแทนผู้เสียหายได้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ชอบแล้ว
พิพากษายืน