แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
อ. พวกจำเลยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับผู้ตายมาก่อน เมื่อไปดูภาพยนตร์แล้วพบกัน จำเลยที่ 2 กับ ข. เรียกผู้ตายออกไปพบ จากนั้น อ. ก็ชกผู้ตายล้มลงแล้วจำเลยทั้งสองกับพวกรุมกระทืบผู้ตายชั่วประเดี๋ยวหนึ่งก็ผละวิ่งหนีไป เป็นการกระทำโดยทันทีทันใด และไม่ปรากฏความรุนแรงถึงขนาดที่จะแสดงให้เห็นว่ามีเจตนาฆ่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390, 83 จำคุกจำเลย 15 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์และจำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่าในวันเวลาเกิดเหตุขณะมีการฉายภาพยนตร์ที่บ้านนายติ่งที่ตลาดทุ่งนาตำบลเขาบางแกรก อำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี นายสมคิดหรือฉาย จันทร์ศรี ผู้ตายซึ่งไปดูภาพยนตร์อยู่ ณ ที่ดังกล่าว ได้ถูกทำร้ายถึงแก่ความตายเพราะพิษบาดแผลดังปรากฏตามรายงานการชันสูตรพลิกศพของพนักงานสอบสวนและแพทย์ท้ายฟ้อง คดีมีปัญหาว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกับพวกทำร้ายผู้ตายถึงแก่ความตายดังฟ้องหรือไม่ ได้ความว่า ขณะเกิดเหตุผู้ตายดูภาพยนตร์อยู่กับนางสาวเพ็ญสาพยานโจทก์ มีนางสาวสมควรจันทร์ศรี พี่สาวของผู้ตาย นายวิบูลย์ มากสิน นายสน ขุนตาล และนายชัยรัตน์ นพรัตน์ พยานโจทก์อยู่ใกล้ ๆ โดยนางสาวสมควรพยานโจทก์เบิกความว่ากลุ่มของจำเลยทั้งสองมีนายอ๊อด นายเขียวและชายอีกคนหนึ่งหรือสองคนซึ่งตนไม่รู้จักอยู่ห่างจากผู้ตายประมาณ 3 วา และจำเลยที่ 2 กับนายเขียวได้เรียกผู้ตายออกไปพบ ผู้ตายเดินเข้าไปที่จำเลยทั้งสองกับพวกยืนอยู่ ทันใดนั้นนายอ๊อดก็ชกผู้ตายล้มนอนหงายลงที่พื้นดินแล้วจำเลยทั้งสองกลับพวกเข้ารุมกระทืบผู้ตายสักพักหนึ่งก็พากันผละไป ผู้ตายโงศีรษะจะลุกขึ้น นายเขียวหันกลับมาเตะที่คางผู้ตายอีกครั้งหนึ่ง ผู้ตายแน่นิ่งไปจากนั้นได้นำผู้ตายส่งสถานีอนามัยตำบลเขาบางแกรก และผู้ตายได้ถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา เมื่อนายเจ๊ก จันทร์ศรี บิดาผู้ตายมาดูผู้ตายที่สถานีอนามัยพบนางสาวสมควรบุตรสาว นางสาวสมควรก็เล่าให้ฟังโดยระบุยืนยันว่าจำเลยทั้งสองกับนายอ๊อด นายเขียวรุมทำร้ายผู้ตาย แม้นางสาวสมควรมิได้เล่าถึงรายละเอียดว่าคนร้ายคนไหนทำร้ายผู้ตายอย่างไรก็ไม่ถึงกับเป็นพิรุธ นางสาวเพ็ญสาประจักษ์พยานโจทก์อีกปากหนึ่งเบิกความว่านายอ๊อดชกผู้ตายล้มนอนหงายลงที่พื้นดินแล้วจำเลยที่ 2 กับนายเขียวและชายอีกสองคนที่ตนไม่รู้จักและไม่ทันสังเกตหน้าตาก็เข้ารุมกระทืบผู้ตายโดยนางสาวสมควรและนายวิบูลย์พยานโจทก์เบิกความยืนยันว่าก่อนเกิดเหตุนางสาวเพ็ญสายืนอยู่กับผู้ตาย นายสนพยานโจทก์แม้ไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ได้ระบุยืนยันว่าก่อนเกิดเหตุประมาณหนึ่งชั่วโมงเห็นผู้ตายอยู่กับนางสาวเพ็ญสา ข้อเท็จจริงเป็นอันเชื่อได้ว่า ก่อนเกิดเหตุนางสาวเพ็ญสายืนอยู่กับผู้ตายและได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยใกล้ชิด การที่นายชัยรัตน์เบิกความว่าในกลุ่มของตนไม่มีผู้หญิงยืนอยู่ด้วย อาจเป็นเพราะก่อนเกิดเหตุผู้ตายและนางสาวเพ็ญสาเดินเข้าไปที่กลุ่มของนายชัยรัตน์แล้วจากนั้นก็เกิดเหตุผู้ตายถูกเรียกออกไปทำร้ายและนายชัยรัตน์ไม่ทันสังเกตเห็นนางสาวเพ็ญสา ปรากฏว่านายชัยรัตน์เห็นเหตุการณ์เฉพาะตอนที่นายเขียวเตะผู้ตาย ซึ่งในชั้นสอบสวนนายชัยรัตน์ก็ให้การยืนยันทำนองเดียวกันนี้ มิได้ขัดแย้งกันดังข้อฎีกาของจำเลย ส่วนนายวิบูลย์เบิกความว่าเห็นจำเลยที่ 1กับนายเขียวกระทืบผู้ตายและนายเขียวหันกลับมาเตะผู้ตายอีกหนึ่งที และขณะที่เจ้าพนักงานกำลังชันสูตรพลิกศพผู้ตาย นายวิบูลย์เห็นจำเลยที่ 1นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ผ่านมาจึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวไว้โดยระบุว่าจำเลยที่ 1 เป็นคนหนึ่งที่รุมกระทืบผู้ตาย ศาลฎีกาเห็นว่าพยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักมั่นคงและจำเลยทั้งสองก็นำสืบยอมรับถึงการมาดูภาพยนตร์ ณ ที่เกิดเหตุประกอบกับบริเวณที่เกิดเหตุมีแสงสว่างจากร้านค้าสามารถมองเห็นและจำกันได้ ทั้งนายอ๊อดพรรคพวกของจำเลยทั้งสองก็มีเหตุทะเลาะวิวาทกับผู้ตายในขณะที่เดินทางมาดูภาพยนตร์ในคืนเกิดเหตุ ข้อเท็จจริงเป็นอันเชื่อได้ว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกับพวกทำร้ายผู้ตายจนถึงแก่ความตาย ข้อนำสืบของจำเลยทั้งสองไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ ส่วนปัญหาที่ว่าจำเลยทั้งสองมีเจตนาฆ่าผู้ตายหรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นสืบเนื่องมาจากการที่นายอ๊อดพรรคพวกของจำเลยทั้งสองมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับผู้ตายมาก่อนเกิดเหตุจำเลยที่ 2 กับนายเขียวได้เรียกผู้ตายออกไปพบ จากนั้นนายอ๊อดก็ชกผู้ตายล้มลงแล้วจำเลยทั้งสองกับพวกเข้ารุมกระทืบทำร้ายผู้ตายชั่วประเดี๋ยวหนึ่งก็ผละวิ่งหนีไป ลักษณะการกระทำของจำเลยทั้งสองกับพวกเป็นไปโดยทันทีทันใด และไม่ปรากฏความรุนแรงถึงขนาดที่จะแสดงให้เห็นว่าจำเลยทั้งสองกับพวกมีเจตนาฆ่าผู้ตาย ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาจึงชอบแล้ว”
พิพากษายืน