คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 965/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าพนักงานบังคับคดีได้อายัดเงินที่บุคคลภายนอกจะต้องชำระให้แก่จำเลยไว้ก่อนศาลพิพากษาคำสั่งศาลอายัดเงินย่อมมีผลต่อไปจนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามมาตรา 260(2)
ตามมาตรา 290 วรรคสี่ต้องยื่นคำขอเฉลี่ยเสียก่อนที่มีการชำระเงินหรือส่งทรัพย์สินตามที่อายัดไว้ กำหนดเวลาชำระเงินต้องมีในคำสั่งอายัดตามมาตรา 311 จึงเห็นได้ว่ามีกำหนดเวลาให้ยื่นคำขอเฉลี่ยได้ก่อนที่มีการชำระเงินหรือส่งทรัพย์สินตามที่อายัดไว้ในหมายอายัดชั่วคราวของศาลไม่ได้กำหนดวันเวลาที่จำเลยจะต้องชำระเงินไว้ จึงไม่มีกำหนดเวลาที่ผู้ร้องจะขอเฉลี่ยได้ก่อนที่มีการชำระเงิน ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขอเฉลี่ยเมื่อทรัพย์ที่อายัดได้ส่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีแล้วได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชำระเงินค่าอุปกรณ์การก่อสร้างและเครื่องไฟฟ้า และขอให้ศาลสั่งอายัดเงินซึ่งจำเลยจะได้รับจากองค์การ ร.ส.พ. ศาลไต่สวนแล้วมีคำสั่งอายัด

จำเลยสู้ว่า จำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ไม่ถึงจำนวนเงินที่โจทก์ฟ้องส่วนเงินตามเช็คจำเลยไม่ต้องรับผิด

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ตามฟ้อง

ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งการอายัดเงินต่อผู้จัดการองค์การ ร.ส.พ. สาขาลำปาง ผู้จัดการได้ส่งมอบเงินที่จำเลยมีสิทธิจะได้รับจากองค์การ ร.ส.พ. ให้แก่เจ้าพนักงานบังคับคดี

ผู้ร้องร้องขอเฉลี่ยเงินที่ยึดมา

ศาลชั้นต้นสั่งว่า ผู้ร้องมาขอเฉลี่ยเมื่อทรัพย์ที่อายัดได้ส่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว ขอเฉลี่ยไม่ได้ ยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า การที่โจทก์ขออายัดเงินจำเลยก่อนมีคำพิพากษานี้ กรณีไม่เป็นการอายัดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 วรรค 4 เพราะการอายัดทรัพย์ตามมาตราดังกล่าวจะต้องเป็นการอายัดทรัพย์สินเมื่อมีคำพิพากษาแล้ว เมื่อโจทก์ได้ขออายัดเงินของจำเลยไว้ก่อนมีคำพิพากษา และเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดเงินจำเลยมาจากองค์การร.ส.พ. สาขาลำปาง กรณีจึงเป็นการยึดเงินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 วรรค 5 ซึ่งให้ยื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์สินเสียก่อนสิ้นระยะเวลา 14 วัน นับแต่วันยึด เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดเงินของจำเลยเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2507 ผู้ร้องขอเฉลี่ยภายในกำหนด14 วัน ไม่เป็นการร้องขอเมื่อพ้นกำหนดเวลาแล้ว จึงพิพากษากลับให้รับคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ของผู้ร้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้เจ้าพนักงานบังคับคดีได้อายัดเงินที่องค์การ ร.ส.พ. สาขาลำปางจะต้องชำระเงินให้แก่จำเลยไว้ก่อนศาลพิพากษาเมื่อศาลพิพากษาคดีให้โจทก์ชนะ คำสั่งอายัดเงินย่อมมีผลต่อไปจนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำพิพากษา ตามมาตรา 260(2) โดยโจทก์ได้ขอหมายบังคับคดีภายในกำหนด 15 วัน นับตั้งแต่วันสิ้นระยะเวลาที่กำหนดไว้ในคำบังคับแล้ว ตามปกติตามมาตรา 290 วรรค 4 ต้องยื่นคำขอเฉลี่ยเสียก่อนที่มีการชำระเงินหรือส่งทรัพย์สินตามที่อายัดไว้ กำหนดเวลาชำระเงินต้องมีในคำสั่งอายัดตามมาตรา 311 จึงเป็นที่เห็นได้ว่ามีกำหนดเวลาให้ยื่นคำขอเฉลี่ยได้ก่อนที่มีการชำระเงินหรือส่งทรัพย์สินตามที่อายัดไว้ แต่คดีนี้เป็นการอายัดก่อนคำพิพากษาหมายอายัดชั่วคราวของศาลไม่ได้กำหนดวันเวลาที่จำเลยจะต้องชำระเงินไว้ จึงไม่มีกำหนดเวลาที่ผู้ร้องจะขอเฉลี่ยได้ก่อนที่มีการชำระเงิน ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขอเฉลี่ยดังกล่าวได้ และคดีหาใช่เป็นกรณียึดเงินดังที่ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 290 วรรค 5 ไม่ และเมื่อวินิจฉัยดังกล่าวมานี้แล้ว จึงไม่จำต้องวินิจฉัยถึงว่าคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์จะเป็นคำวินิจฉัยที่นอกฟ้องอุทธรณ์หรือไม่

พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์

Share