คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 155/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจรชั้นพิจารณาปรากฏว่าจำเลยถูกฟ้องว่าลักทรัพย์หรือรับของโจรอีก 2 สำนวนศาลชั้นต้นจึงพิจารณาพิพากษารวมกันเป็น 3 สำนวน ให้ยกฟ้องทั้ง 3 สำนวน โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ลงโทษเฉพาะคดีนี้จำเลยฎีกาคดีนี้ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษส่วนอีก 2 สำนวนที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์นั้น คดีถึงที่สุดแล้วหากศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้พยานโจทก์ยังไม่พอฟังว่า จำเลยได้กระทำผิดคดีนี้ศาลฎีกาก็พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจร รถจักรยาน 2 ล้อของนางสาวเปรม จำเลยให้การปฏิเสธ

ชั้นพิจารณาปรากฏว่า จำเลยนี้ได้ถูกฟ้องเป็นจำเลยตามคดีดำที่ 134/2508 หาว่าลักทรัพย์หรือรับของโจร รถจักรยานของนายบรรยงอีกสำนวนหนึ่ง และถูกฟ้องเป็นจำเลยตามคดีดำที่ 182/2508 หาว่าลักทรัพย์หรือรับของโจรทรัพย์ของนายทองอีกสำนวนหนึ่งศาลชั้นต้นจึงพิจารณาพิพากษาคดีนี้รวมกันไปกับคดีดำที่ 134/2508 และ 182/2508 เป็น 3 สำนวน

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องทั้ง 3 สำนวน

โจทก์อุทธรณ์ทั้ง 3 สำนวน

ศาลอุทธรณ์ปรึกษาว่า สำหรับคดีดำที่ 134/2508 และ 182/2508 คดียังไม่มีหลักฐานพอที่จะลงโทษจำเลยได้ ส่วนคดีนี้จำเลยมีความผิดฐานรับของโจร พิพากษาแก้ว่าเฉพาะคดีนี้ลงโทษจำคุก นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกาในคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยต่อมา

ศาลฎีกาเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่พอจะฟังว่าจำเลยได้รับรถจักรยานของนางสาวเปรมที่หายไว้โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยผิดกฎหมายอันควรเป็นความผิดแต่อย่างใด ฎีกาจำเลยฟังขึ้น

ฉะนั้น คดีนี้จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์ปล่อยจำเลยพ้นข้อหาไป ของกลางคืนนางสาวเปรม

Share