แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เอกสารที่จำเลยปลอมและใช้มีข้อความว่า ส. ไม่ได้สมรสตามกฎหมายกับ ฉ. ส. ไม่ขอเกี่ยวข้องคัดค้านหรือขัดข้องประการใดในการที่ทางราชการจะจ่ายเงินบำเหน็จทดแทนของ ฉ. ให้แก่บุตรของ ฉ. นั้น ข้อความดังกล่าวเป็นการทำให้สิทธิของ ส. ที่จะรับบำเหน็จทดแทนในฐานะเป็นสามีโดยชอบด้วยกฎหมายของ ฉ. ต้องระงับไป เอกสารนั้นจึงเป็นหลักฐานแห่งการระงับสิทธิของ ส. จึงเป็นเอกสารสิทธิ ไม่ใช่เอกสารธรรมดา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิที่ปลอมนั้น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 268
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า เอกสารที่ปลอมและใช้ไม่เป็นเอกสิทธิลงโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 268 จำคุก 1 ปีลดรับสารภาพกึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน ให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี ตามมาตรา 56 ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะจำเลยที่ 1 ว่า เอกสารที่จำเลยที่ 1 ปลอมและใช้เป็นเอกสิทธิ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เอกสารที่ปลอมและใช้นั้นมีข้อความว่าเรืออากาศเอกสอนไม่ได้ทำการสมรสตามกฎหมายกับนางฉันทนา และมีข้อความอีกว่าเรืออากาศเอกสอนไม่ขอเกี่ยวข้องคัดค้านหรือขัดข้องประการใดในการที่กรมอาชีวศึกษาจะจ่ายเงินบำเหน็จทดแทนข้างนางฉันทนาให้แก่บุตรนั้น ข้อความเหล่านี้เป็นการทำให้สิทธิของเรืออากาศเอกสอนที่จะรับบำเหน็จทดแทนในฐานะเป็นสามีโดยชอบด้วยกฎหมายของนางฉันทนาต้องระงับไป เอกสารดังกล่าวจึงเป็นหลักฐานแห่งการระงับสิทธิของเรืออากาศเอกสอน จึงเป็นเอกสารสิทธิ ไม่ใช่เอกสารธรรมดา
พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 265 และ 268 แต่ให้ลงโทษตามมาตรา 268 กระทงเดียว ส่วนกำหนดโทษและรอการลงโทษให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์