คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้การซื้อขายไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จะเป็นโมฆะก็ดี แต่ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า ผู้ขายมีแต่เพียงสิทธิครอบครองเท่านั้น เมื่อผู้ขายได้ส่งมอบที่พิพาทให้ผู้ซื้อตามสัญญาซื้อขายก็ฟังได้ว่าผู้ขายได้สละเจตนาครอบครองไม่ยึดถือที่พิพาทต่อไป การครอบครองของผู้ขายสิ้นสุดลงแล้ว ผู้ซื้อได้รับโอนการครอบครอง ย่อมได้ไปซึ่งสิทธิการครอบครองที่พิพาทนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377, 1378 แล้ว ผู้ขายจะมาฟ้องเรียกที่พิพาทคืนไม่ได้
โจทก์ฟ้องว่าขายฝาก จำเลยสู้ว่าขายขาด ถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ว่าขายขาด ข้อกฎหมายก็ฟังได้ดังกล่าวข้างต้นจึงควรฟังคำพยานให้ข้อเท็จจริงได้ความก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยรับไถ่การขายฝากที่ดินของโจทก์และห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์

จำเลยสู้ว่า โจทก์ได้ทำหนังสือขายฝากที่สวนไว้จริง แต่ได้ยกเลิกและทำสัญญาขายขาดให้แก่จำเลยแล้ว จำเลยได้ปกครองในฐานะเป็นเจ้าของมาจนบัดนี้

ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน แล้วพิพากษาว่าโจทก์จำเลยทำหนังสือสัญญาขายฝากกันเองเป็นโมฆะ จำเลยครอบครองที่พิพาทมาโดยอาศัยอำนาจของโจทก์ผู้เป็นเจ้าของจะอ้างครอบครองปกปักษ์ไม่ได้ ที่จำเลยอ้างว่าโจทก์ขายขาดที่พิพาทให้ แม้จะจริงก็ทำหนังสือสัญญากันเองเป็นโมฆะ จำเลยครอบครองที่พิพาทมายังไม่เกิน 1 ปี ไม่ได้สิทธิครอบครอง ที่อ้างว่าโจทก์ยกที่ให้ ก็ไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นโมฆะ ไม่ปรากฎว่าโจทก์ยกให้เกิน 1 ปี จำเลยไม่ได้สิทธิครอบครอง ให้จำเลยคืนที่พิพาทให้โจทก์และรับเงินค่าไถ่ถอน ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คดีนี้เป็นกรณีพิพาทระหว่างผู้โอนกับผู้รับโอน ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า ผู้โอนมีแต่เพียงสิทธิครอบครอง ถ้าผู้โอนสละเจตนาครอบครองการครอบครองก็ย่อมสิ้นสุดลง ผู้รับโอนย่อมได้ไปซึ่งสิทธิครอบครองนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377, 1378 ไม่ต้องจดทะเบียนตามมาตรา 1299 ผู้ครอบครองเดิมจะกลับใจมาฟ้องร้องเอาคืนไม่ได้แม้ภายใน 1 ปี เพราะไม่ใช่การรบกวนหรือแย่งการครอบครอง เป็นคนละกรณีกับเรื่องนิติกรรมเป็นโมฆะ ตามมาตรา 456 ถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ดังจำเลยให้การต่อสู้ก็ต้องยกฟ้องโจทก์ ชอบที่ศาลชั้นต้นจะพิจารณาฟังข้อเท็จจริงให้เสร็จสิ้นเสียก่อนพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานของทั้งสองฝ่ายต่อไป แล้วพิพากษาใหม่

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าโจทก์เพียงแต่ขายฝากที่พิพาทแล้วมอบให้จำเลยเก็บดอกผลแทนดอกเบี้ย ไม่ได้สละเจตนาครอบครองนั้นเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงซึ่งยังมิได้มีการพิจารณา ไม่มีประเด็นวินิจฉัย คดีนี้จำเลยให้การว่า โจทก์ได้ขายที่พิพาทให้จำเลยเด็ดขาดและส่งมอบที่พิพาทให้จำเลยครอบครอง ถ้าเป็นความจริงแล้ว แม้การซื้อขายไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จะเป็นโมฆะก็ดี แต่ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า โจทก์มีแต่เพียงสิทธิครอบครองเท่านั้น เมื่อโจทก์ได้ส่งมอบที่พิพาทให้จำเลยตามสัญญาซื้อขายก็ฟังได้ว่าโจทก์ได้สละเจตนาครอบครอง ไม่ยึดถือที่พิพาทต่อไป การครอบครองของโจทก์สิ้นสุดแล้ว จำเลยได้รับโอนการครอบครองย่อมได้ไปซึ่งสิทธิการครอบครองที่พิพาทนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377, 1378 แล้ว โจทก์จะมาฟ้องเรียกที่พิพาทคืนไม่ได้ข้อเท็จจริงแห่งคดียังโต้เถียงกันอยู่

พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์

Share