คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 830/2510

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินชำระหนี้ให้โจทก์ร่วม โจทก์ร่วมนำเช็คนั้นไปชำระหนี้ให้ผู้มีชื่อ เมื่อผู้มีชื่อนำเช็คไปเข้าบัญชี แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ผู้มีชื่อจึงนำเช็คดังกล่าวมาคืนให้โจทก์ร่วม ดังนี้ หนี้ระหว่างโจทก์ร่วมกับผู้มีชื่อจึงยังไม่ระงับ ซึ่งโจทก์ร่วมยังมีหน้าที่ต้องชำระหนี้ให้ผู้มีชื่อ กรณีเช่นนี้ย่อมเห็นได้ชัดว่าโจทก์ร่วมได้รับความเสียหายโจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์และดำเนินคดีกับจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4)

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้อง จำเลยได้บังอาจออกเช็คของธนาคารมณฑล จำกัดสาขายศเส ฉบับหมายเลขที่ 41804 สั่งจ่ายเงิน 72,500 บาท ให้แก่นางสาวแจ่มใส ไกรฤกษ์ ผู้เสียหาย โดยให้ไปรับที่ธนาคารมณฑล จำกัดสาขายศเส ได้ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2505 ต่อมาวันที่ 17 เมษายน 2505เวลากลางวัน นางสาวแจ่มใสได้นำเช็คดังกล่าวไปเข้าบัญชีฝากเงินของม.ล.เจนด์ สุทัศน์ ที่ธนาคารเกษตร จำกัด เพื่อให้ธนาคารเกษตร จำกัด เรียกเก็บเงินตามเช็คนั้นจากธนาคารมณฑล จำกัด สาขายศเส แต่ธนาคารมณฑล จำกัด สาขายศเสปฏิเสธการจ่ายเงินและได้ส่งเช็คคืน เนื่องจากเงินในบัญชีฝากของจำเลยไม่มีพอจ่าย ทั้งนี้โดยจำเลยออกเช็คดังกล่าวให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชี อันจะพึงให้ใช้ได้ในขณะออกเช็คและด้วยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3

คดีมีปัญหาที่จะต้องพิจารณาต่อไปว่า โจทก์ร่วมเป็นผู้เสียหายหรือไม่ศาลฎีกาเห็นว่า “จำเลยได้ออกเช็คหมาย จ.1 สั่งจ่ายเงินชำระหนี้ให้โจทก์ร่วมแล้วโจทก์ร่วมนำเช็คนั้นไปชำระหนี้ให้หม่อมหลวงเจนด์ เมื่อหม่อมหลวงเจนด์นำเช็คไปเข้าบัญชี แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน หม่อมหลวงเจนด์ได้นำเช็คดังกล่าวมาคืนโจทก์ร่วม หนี้ระหว่างโจทก์ร่วมกับหม่อมหลวงเจนด์จึงยังไม่ระงับโจทก์ร่วมยังมีหน้าที่ต้องชำระหนี้ให้หม่อมหลวงเจนด์ในกรณีเช่นนี้ย่อมเห็นได้ชัดว่าโจทก์ร่วมได้รับความเสียหาย ฉะนั้นโจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์และดำเนินคดีกับจำเลยได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยดังกล่าวข้างต้นชอบด้วยรูปคดีแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”

Share