แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 เป็นบทบัญญัติที่ให้ศาลใช้ดุลพินิจในกรณีที่ศาลจะสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ มิได้บังคับเด็ดขาดว่าต้องจำหน่ายคดี
โจทก์ไม่จัดการนำส่งหมายเรียกให้แก่จำเลยภายในกำหนด 7วัน นับแต่วันออกหมายตามที่ศาลชั้นต้นสั่ง ก่อนศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีโจทก์ได้ยื่นคำร้องว่าจะนำส่งหมายเรียกให้จำเลย ขอเลื่อนวันนัดสืบพยานโจทก์เพื่อให้ระยะเวลาการส่งหมายเรียกให้จำเลยเป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย แสดงว่าโจทก์ยังติดใจดำเนินคดีต่อไป เป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรจำหน่ายคดี
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยแจ้งความแก่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลประเวศน์ว่ามีคนร้ายลักเงิน 15,000 บาท และแหวนเพชร 1 วง สร้อยคอหนัก 3 บาท ของจำเลย และว่าโจทก์เป็นคนร้ายรายนี้ ต่อมาจำเลยนำเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลบางมดไปค้นบ้านเลขที่ 67/6 แขวงจอมทอง เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร พบเงิน 4,000 บาท ของนางสาวบุญชื่น จำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวนว่าเป็นเงินของจำเลยที่หายไปและโจทก์เป็นผู้ลักเอาไป ซึ่งเป็นความเท็จ ความจริงเงิน 4,000 บาทเป็นของนางสาวบุญชื่นด้วยการให้การอันเป็นเท็จของจำเลย พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวโจทก์ไว้ดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์อันเป็นการแจ้งเพื่อแกล้งให้โจทก์ต้องได้รับโทษทางอาญา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งว่า ฟ้องโจทก์มีมูลให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา หมายเรียกจำเลยให้การในวันเดียวกับวันนัดสืบพยานโจทก์ให้โจทก์นำส่งหมายภายใน 7 วันนับแต่วันออกหมาย การส่งหมายหากไม่มีผู้รับโดยชอบให้ปิดหมายไว้ ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงานของจำเลย นัดสืบพยานโจทก์วันที่ 26 มกราคม 2524 ศาลชั้นต้นออกหมายเรียกในวันที่ 11 ธันวาคม 2523
ต่อมาวันที่ 15 มกราคม 2524 โจทก์ยื่นคำร้องว่า โจทก์เพิ่งมานำหมายทำให้ระยะเวลาในการส่งหมายให้จำเลยทราบนัดไม่เพียงพอขอให้ศาลสั่งเลื่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ออกไปเป็นวันที่ 11 กุมภาพันธ์2524 ศาลชั้นต้นสั่งว่า โจทก์ไม่นำส่งหมายภายใน 7 วันตามที่ศาลสั่งถือว่าโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลเห็นสมควรกำหนดเป็นการทิ้งฟ้อง จึงให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นออกหมายเรียกจำเลยมาดำเนินคดีต่อไป
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นกรณีที่โจทก์ไม่จัดการนำส่งหมายเรียกให้แก่จำเลยภายในกำหนด 7 วันนับแต่วันออกหมายตามที่ศาลชั้นต้นสั่ง แต่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นยังมิได้มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีของโจทก์ ซึ่งต่อมาโจทก์ก็ได้ยื่นคำร้องว่าจะนำส่งหมายเรียกให้จำเลย ขอเลื่อนวันนัดสืบพยานโจทก์เพื่อให้ระยะเวลาการส่งหมายเรียกให้จำเลยเป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งแสดงว่าโจทก์ยังติดใจดำเนินคดีต่อไป ในกรณีที่ศาลจะสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 132 นั้น มิได้บังคับเด็ดขาดว่าต้องจำหน่ายคดีเป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลพินิจ พฤติการณ์ในกรณีนี้ยังไม่สมควรที่จะจำหน่ายคดีของโจทก์
พิพากษายืน