แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องคดี อ้างว่าจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 เอาโรงงานและสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ไปขายให้แก่จำเลยที่ 3 ขอให้พิพากษาว่าหนังสือสัญญาซื้อขายดังกล่าวเป็นโมฆะ ให้เพิกถอนเสีย จำเลยทั้งสามให้การและแถลงว่า จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ไม่ได้เอาโรงงานและสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ไปขาย จำเลยที่ 3 แถลงว่าไม่เคยโต้แย้งว่าทรัพย์สินตามฟ้องไม่ใช่ทรัพย์สินของโจทก์ ทั้งปรากฏว่าจำเลยเคยรับอยู่ตั้งแต่ก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้แล้วว่า ทรัพย์สินตามที่โจทก์กล่าวในฟ้องไม่ใช่ทรัพย์สินของจำเลย ดังนี้ ถือได้ว่าไม่มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับโรงงานและสิ่งปลูกสร้างตามฟ้องโจทก์ว่าเป็นทรัพย์สินของฝ่ายใด โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยสำหรับทรัพย์สินที่กล่าวในฟ้อง และไม่มีอำนาจขอให้เพิกถอนการซื้อขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอื่น ซึ่งไม่ใช่ทรัพย์สินของโจทก์ด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นโรงงานอุตสาหกรรมทำสบู่และสกัดน้ำมันพืช ทะเบียนบ้านเลขที่ ๑๐๙๔ จากนายเหลี่ยงช้วงได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์แล้ว จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้สิทธิไม่สุจริตและแกล้งทำหนังสือสัญญาซื้อขายและจดทะเบียนการซื้อขายกันว่าจำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒ ขายที่ดินโฉนดที่ ๖๐๖,๓๐๘๖ พร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งรวมทั้งโรงงานทำสบู่และสกัดน้ำมันพืชและที่ทำการบริษัทของโจทก์ให้แก่จำเลยที่ ๓ ขอให้พิพากษาว่าหนังสือสัญญาซื้อขายตามภาพถ่ายเอกสารท้ายฟ้องหมาย ๒ เป็นโมฆะให้เพิกถอนเสีย และให้จำเลยทั้งสามจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินในที่ดินทั้งหมดให้เป็นของโจทก์ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง
จำเลยทั้งสามให้การ และจำเลยที่ ๓ แก้คำให้การ ว่าโจทก์จะได้ซื้อโรงงานอุตสาหกรรมตามฟ้องหรือไม่ จำเลยไม่รับรอง จำเลยที่ ๑และจำเลยที่ ๒ ขายที่ดินโฉนดที่ ๖๐๖, ๓๐๘๖ พร้อมเรือน ทะเบียนบ้านเลขที่ ๑๐๙๔/๑ ของจำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒ ให้จำเลยที่ ๓ ไปไม่ได้ขายโรงงาน โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ซึ่งปลูกอยู่ในโฉนดที่ ๖๐๖, ๓๐๘๖ ให้แก่จำเลยที่ ๓ จำเลยที่ ๓ ไม่ได้โต้แย้งว่าทรัพย์สินเหล่านี้ไม่ใช่ทรัพย์สินของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
วันนัดชี้สองสถาน โจทก์แถลงว่า โจทก์ไม่ได้ฟ้องว่าเรือนไม้สองชั้นทะเบียนเลขที่ ๑๐๙๔/๑ เป็นของโจทก์ แต่โจทก์ฟ้องว่า โรงงานสำนักงานและที่พักคนงาน ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ใช้ทะเบียนบ้านเลขที่ ๑๐๙๔ และเป็นทรัพย์สินที่จำเลยได้ฟ้องให้โจทก์รื้อถอนไปในคดีของศาลแพ่งหมายเลขดำที่ ๑๐๒๑/๒๕๑๒ เป็นทรัพย์สินของโจทก์ จำเลยแถลงว่าจำเลยไม่เคยโต้แย้งว่าทรัพย์สินนั้นไม่ใช่ทรัพย์สินของโจทก์
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลย แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้อ้างว่าจำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒เอาโรงงานและสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ไปขายให้จำเลยที่ ๓ ด้วย ศาลฎีกาเห็นว่าแม้จะปรากฏในหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินโฉนดที่ ๖๐๖, ๓๐๘๖ ว่าจำเลยทั้งสามทำการซื้อขายสิ่งปลูกสร้างในที่ดินโฉนดที่ ๖๐๖, ๓๐๘๖ ทั้งสิ้นด้วยแต่จำเลยทั้งสามให้การและแถลงในคดีนี้ว่าจำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒ไม่ได้เอาโรงงานและสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ไปทำหนังสือสัญญาซื้อขายกันด้วยจำเลยที่ ๓ ก็แถลงว่าไม่เคยโต้แย้งว่าทรัพย์สินตามฟ้องไม่ใช่ทรัพย์สินของโจทก์ข้อสำคัญโจทก์แถลงรับในคดีนี้ว่าโรงงานและสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ในคดีนี้เป็นทรัพย์สินที่จำเลยที่ ๓ ได้ฟ้องให้โจทก์รื้อถอนขนย้ายออกไปจากที่ดินโฉนดที่ ๖๐๖, ๓๐๘๖ ในคดีของศาลแพ่งหมายเลขดำที่ ๑๐๒๑/๒๕๑๒ เห็นได้ชัดแจ้งว่าจำเลยรับอยู่ตั้งแต่ก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้ว่า ทรัพย์สินตามที่โจทก์กล่าวในฟ้องไม่ใช่ทรัพย์สินของจำเลยจึงไม่มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับโรงงาน โรงเรือน และสิ่งปลูกสร้างซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินโฉนดที่ ๖๐๖, ๓๐๘๖ และใช้ทะเบียนบ้านเลขที่ ๑๐๙๔ ว่าเป็นทรัพย์สินของฝ่ายใด โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยสำหรับทรัพย์สินตามที่กล่าวในฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๕ และโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยขอเพิกถอนการซื้อขายที่ดินโฉนดที่ ๖๐๖, ๓๐๘๖ และสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ซึ่งไม่ใช่ทรัพย์สินของโจทก์ด้วย
พิพากษายืน