แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเข้าไปปลูกข้าวโพดในป่าสงวนแห่งชาติ ข้าวโพดของกลางเป็นผลิตผลเกิดจากการปลูกหว่านของจำเลย หาใช่เกิดขึ้นหรือมีอยู่ในป่าอันจำเลยเก็บเกี่ยวเอาโดยไม่ต้องลงทุนลงแรงไม่ จึงไม่เป็นของป่า ทั้งไม่เป็นของที่ได้มาโดยการกระทำความผิดของจำเลยโดยตรง ไม่เป็นของที่ต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามเข้ายึดถือครอบครองป่าสงวนแห่งชาติเพื่อปลูกข้าวโพด ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติและริบข้าวโพดที่สีแล้ว 153 กระสอบ ของกลาง ฯลฯ
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้องและให้ริบข้าวโพดของกลาง และให้จำเลยทั้งสามกับบริวารออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติด้วย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้คืนข้าวโพดของกลางแก่จำเลย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้าวโพดที่สีแล้ว 153 กระสอบของกลางเป็นผลิตผลเกิดจากการปลูกหว่านของจำเลย หาใช่เกิดขึ้นหรือมีอยู่ในป่าอันจำเลยเก็บเกี่ยวเอาโดยไม่ต้องลงทุนลงแรงไม่ จึงไม่เป็นของป่าตามมาตรา 4 ทั้งไม่เป็นของที่ได้มาโดยการกระทำความผิดของจำเลยโดยตรง ไม่เป็นของที่ต้องริบตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507