แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การได้มาโดยนิติกรรมซึ่งสิทธิอาศัยอันเป็นทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์นั้น หากมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมไม่บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคแรก
โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ซึ่งจำเลยอาศัยอยู่ย่อมฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยออกไปจากอสังหาริมทรัพย์นั้นเมื่อใดก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวก่อน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 5361 ตำบลปทุมวันอำเภอปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ 15 ตารางวา และห้องแถวเลขที่ 439 ซึ่งปลูกในที่ดินดังกล่าว จำเลยได้เช่าเฉพาะส่วนหน้าร้านของห้องแถวโจทก์เพื่อใช้เป็นสำนักงานจัดหางานให้แก่บุคคลทั่วไป ในอัตราค่าเช่าเดือนละ 600 บาท ต่อมาโจทก์ต้องการใช้ห้องแถวส่วนที่จำเลยเช่าเป็นที่อยู่อาศัยจึงได้บอกเลิกการเช่าและให้จำเลยและบริวารออกไป จำเลยไม่ยอมออก ขอให้บังคับ
จำเลยให้การว่า โจทก์ยอมให้จำเลยอาศัยประกอบธุรกิจที่บ้านของโจทก์เป็นเวลา 1 ปี ถ้าครบกำหนดแล้วโจทก์ยอมให้จำเลยอาศัยต่อไปอีก 10 ปีหากครบ 10 ปีและโจทก์ต้องการสถานที่โจทก์จะแจ้งให้จำเลยทราบล่วงหน้า1 เดือน จำเลยไม่ได้รับหนังสือบอกกล่าว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นงดสืบพยาน พิพากษาให้จำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากบ้านของโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามข้อต่อสู้ของจำเลยเป็นการกล่าวอ้างการได้มาโดยนิติกรรมซึ่งสิทธิอาศัยอันเป็นทรัพย์สิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ แต่สิทธิอาศัยของจำเลยนั้นมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่จึงไม่บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299วรรคแรก จำเลยไม่มีอำนาจยกสิทธิอาศัยดังกล่าวขึ้นใช้เป็นข้อต่อสู้อำนาจของโจทก์ได้ จำเลยไม่มีสิทธิที่จะอยู่ในห้องแถวของโจทก์อีกต่อไป โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของห้องแถวย่อมฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยออกไปจากห้องแถวเมื่อใดก็ได้โดยไม่จำเป็นจะต้องบอกกล่าวให้จำเลยทราบก่อนฟ้องแต่ประการใด
พิพากษายืน