แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้คัดค้านให้การต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในชั้นสอบสวนว่ารู้จักกับลูกหนี้ (จำเลย) มานานถึง 20 ปีแล้วทั้งปรากฏว่าผู้คัดค้านเป็นญาติทางสมรสกับลูกหนี้ (จำเลย) การที่ผู้คัดค้านรับโอนสิทธิการเช่าตึกแถวจากจำเลยก็เป็นการกระทำที่รีบร้อน โอนกันก่อนวันลูกหนี้ถูกเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ฟ้องล้มละลายเพียงไม่กี่วัน แสดงว่าผู้คัดค้านรู้ดีว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวและกำลังจะถูกฟ้องล้มละลาย ไม่ปรากฏว่าลูกหนี้ได้ชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้รายอื่นซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 15 ราย จำนวนเงินถึง 20 ล้านบาทเศษเลย การกระทำของลูกหนี้ (จำเลย) ถือได้ว่าทำให้ผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น
ย่อยาว
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ผู้ล้มละลายยื่นคำร้องว่าในระหว่าง 3 เดือนก่อนมีการขอให้ล้มละลาย จำเลยโอนสิทธิการเช่าตึกแถว2 ชั้น หมายเลขที่ 6/121, 7/123, 8/125, 9/127 ถนนเจริญกรุง ซึ่งเช่ามาจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เพื่อประกอบการค้าให้แก่นายประยูร บัณฑุกุล เจ้าหนี้เงินกู้ตีราคาสิทธิการเช่าทั้งหมดเป็นเงิน 1,500,000 บาท โดยทำการหักกลบลบหนี้กับเงินที่จำเลยกู้ไว้ อันเป็นการสมยอมกันโดยไม่สุจริตในระยะสามเดือนก่อนมีการขอให้ล้มละลายทั้งที่นายประยูรทราบว่าจำเลยเป็นบุคคลมีหนี้สินล้นพ้นตัว ทำให้เจ้าหนี้อื่นเสียเปรียบ จึงขอให้เพิกถอนการชำระหนี้โดยวิธีหักกลบลบหนี้ดังกล่าว และให้นายประยูรชำระเงินค่ารับโอนสิทธิการเช่าตึกแถวเป็นเงิน 1,500,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีนับแต่วันร้องขอจนกว่าจะชำระเสร็จแก่กองทรัพย์สินของลูกหนี้ (จำเลย)
ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านว่า ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 115 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีอำนาจขอให้ศาลบังคับให้ผู้คัดค้านรับผิดชำระเงินแก่กองทรัพย์สินของลูกหนี้ สิทธิการเช่าตึกแถวของจำเลยไม่ใช่ทรัพย์สินที่ผู้ร้องจะรวบรวมนำมาแบ่งในคดีล้มละลายได้ การที่ผู้คัดค้านเป็นผู้เช่าตึกแถวจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นการกระทำโดยสุจริต ไม่ได้สมยอมกับจำเลย ไม่ทำให้เจ้าหนี้อื่นของลูกหนี้เสียเปรียบ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยโอนสิทธิการเช่าตึกแถวตามฟ้องโดยหักกลบลบหนี้เป็นเงิน 1,500,000 บาท มุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้อื่นมีคำสั่งให้เพิกถอนการชำระหนี้โดยวิธีหักกลบลบหนี้ระหว่างจำเลยกับผู้คัดค้าน
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ผู้คัดค้านชำระเงินค่าตอบแทนการรับโอนตึกแถวพิพาทจากจำเลยแก่กองทรัพย์สินของลูกหนี้ (จำเลย) นั้นเป็นการให้ผู้คัดค้านต้องชำระเงินค่าซื้อสิทธิตึกพิพาท 2 ครั้ง ไม่ชอบด้วยบทบัญญัติของกฎหมายพิพากษากลับให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ว่าการกระทำของผู้คัดค้านและของลูกหนี้(จำเลย) มุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้อื่นอันเป็นเหตุให้ผู้ร้องขอให้ศาลสั่งถอนการกระทำของลูกหนี้กับผู้คัดค้านตามมาตรา 115 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483 ได้หรือไม่นั้น เห็นว่าในชั้นสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้านเองก็ให้การว่ารู้จักกับลูกหนี้(จำเลย) มานานถึง 20 ปีแล้ว ผู้คัดค้านเกี่ยวข้องเป็นญาติทางสมรสกับลูกหนี้(จำเลย) การที่ผู้คัดค้านรับโอนสิทธิการเช่าตึกแถวจากจำเลยก็เป็นการกระทำที่รีบร้อน รีบโอนกันก่อนวันลูกหนี้ถูกเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ฟ้องล้มละลายเพียงไม่กี่วัน เห็นได้ชัดว่าผู้คัดค้านรู้ดีว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวและกำลังจะถูกฟ้องล้มละลาย ทั้งไม่ปรากฏว่าลูกหนี้ได้ชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้รายอื่นเลยซึ่งมีอยู่ทั้งหมดถึง 15 ราย จำนวนเงินถึง 20 ล้านเศษ เมื่อปรากฏว่าถูกฟ้องคดีนี้จำเลยก็หลบหนีโดยรีบโอนสิทธิการเช่าตึกแถวให้ผู้คัดค้าน และยอมให้ผู้คัดค้านซึ่งเป็นญาติหักหนี้กับจำเลยได้ การกระทำของลูกหนี้ (จำเลย)ดังกล่าวถือได้ว่าให้ผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น ต้องตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 115 แล้ว
พิพากษากลับให้บังคับคดีตามคำสั่งศาลชั้นต้น