คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1677/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่าย และได้ขายไปจำนวน 2 ห่อเล็กกับจับได้ที่จำเลยอีก 23 ห่อเล็กนั้นเป็นความผิดสองกรรมต่างกันเป็นสองกระทงความผิดต้องเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ที่แก้ไขใหม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดเพียงกรรมเดียว โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลย เมื่อคดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกา ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดเป็นสองกรรมได้ แต่จะพิพากษาลงโทษให้หนักกว่าที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยมาแล้วไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์จำนวน 25 ห่อเล็กไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำเลยได้ขายเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ดังกล่าวไปจำนวน 2 ห่อเล็ก จับจำเลยได้พร้อมด้วยเฮโรอีนที่มีไว้เพื่อจำหน่ายและจำหน่ายขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 ฯลฯ

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เชื่อว่าจำเลยมีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและขายเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์จริง เป็นความผิดกรรมเดียวและพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 ทวิ ฯลฯ จำคุก 7 ปี 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวน ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลย 5 ปี ของกลางริบ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว เชื่อว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายจริง ส่วนข้อหาฐานจำหน่ายฯ ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ พิพากษาแก้ว่าให้จำคุก 5 ปี จำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 ปี 4 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษฐานจำหน่ายยาเสพติดฯ ด้วย

ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยขายเฮโรอีนจริงดังโจทก์ฟ้องและวินิจฉัยว่าการที่จำเลยมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่ายและขายเฮโรอีนตามข้อเท็จจริงที่ได้ความ เป็นความผิดสองกรรมต่างกัน เป็นสองกระทงความผิด ไม่ใช่ความผิดกรรมเดียวดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย ศาลชั้นต้นมิได้เรียงกระทงลงโทษไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 2

พิพากษาแก้เป็นให้เรียงกระทงลงโทษจำเลยฐานมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่ายกระทงหนึ่งและฐานขายเฮโรอีนอีกกระทงหนึ่ง ทั้งนี้ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 ทวิ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 6 แต่เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลย ศาลฎีกาจะพิพากษาลงโทษจำเลยหนักกว่าที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษมาแล้วไม่ได้ กำหนดโทษของจำเลยจึงคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share