แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับภริยาผู้เสียหาย ก่อนเกิดเหตุจำเลยเคยเข้าไปนอนกับภริยาผู้เสียหายในบ้านผู้เสียหาย และผู้เสียหายแจ้งความแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้เรียกตัวจำเลยมาตักเตือนให้เลิกเกี่ยวข้องกับภริยาผู้เสียหายและไม่ให้เข้าไปในบ้านผู้เสียหายอีก ซึ่งจำเลยก็ยอมรับที่จะปฏิบัติตาม โดยมีการลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจถึงสองครั้ง การที่จำเลยเข้าไปในบ้านผู้เสียหายในเวลากลางคืน โดยมีเจตนาในทางชู้สาวกับภริยาผู้เสียหายอีก ถือได้ว่าจำเลยเข้าไปในบ้านผู้เสียหายโดยไม่มีเหตุอันสมควรจึงมีความผิดฐานบุกรุก
เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365(3) อันเป็นบทเฉพาะแล้ว ก็ไม่จำต้องยกมาตรา 364 ซึ่งเป็นบททั่วไปขึ้นปรับบทลงโทษอีก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 364, 365
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยเข้าไปในบ้านผู้เสียหายโดยภริยาผู้เสียหายอนุญาตให้เข้าไป ถือได้ว่าจำเลยเข้าไปโดยมีเหตุอันสมควร พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับภริยาผู้เสียหาย ผู้เสียหายย่อมมีอำนาจที่จะหวงห้ามหรือไม่อนุญาตให้จำเลยเข้าไปในบ้านผู้เสียหายได้ ทั้งก่อนเกิดเหตุคดีนี้ ผู้เสียหายเคยไปแจ้งความแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้เรียกจำเลยมาตักเตือนให้เลิกเกี่ยวข้องกับภริยาผู้เสียหาย และไม่ให้เข้าไปในบ้านผู้เสียหายอีก ซึ่งจำเลยก็ยอมรับที่จะปฏิบัติตาม ได้มีการลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจถึงสองครั้ง การที่จำเลยเข้าไปในบ้านผู้เสียหายในเวลากลางคืนโดยมีเจตนาในทางชู้สาวกับภริยาผู้เสียหาย ถือได้ว่าจำเลยเข้าไปในบ้านผู้เสียหายโดยไม่มีเหตุอันสมควร จำเลยจึงมีความผิดฐานบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(3) อันเป็นบทเฉพาะ และไม่จำต้อง ยกมาตรา 364 ซึ่งเป็นบททั่วไปชั้นปรับบทลงโทษอีก
พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365 ลงโทษจำคุก