แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ขณะนั่งดื่มสุราอยู่ด้วยกัน ผู้เสียหายมีอาการเมาสุราเข้าใจว่าจำเลยที่ 1 กีดกันไม่ยอมให้ปักเสาไฟฟ้าผ่านที่ดิน เมื่อจำเลยที่ 1 ไล่ให้กลับไปนอนผู้เสียหายกลับพูดว่า “ไอ้แก่อยากจะให้รู้มือสักที”แล้วทำท่าจะลุกขึ้นพร้อมกับชักมีดที่เหน็บไว้ที่เอวเผยออกมา จำเลยที่ 1 เข้าใจว่าผู้เสียหายจะทำร้าย จึงชกหน้าผู้เสียหายไป1 ที แล้วผลักล้มลงถูกผาลไถนาเป็นบาดแผลที่หางคิ้วขวาเป็นการกระทำเพื่อให้พ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึงและพอสมควรแก่เหตุ เข้าลักษณะเป็นการป้องกันจำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันใช้ไม้ท่อนขนาด 1 ศอกเป็นอาวุธตีทำร้ายร่างกายและร่วมกันชกต่อยทุบตีทำร้ายร่างกายนายชิตผู้เสียหายถูกบริเวณศีรษะ ใบหน้าและลำตัวหลายครั้ง เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 83
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295, 83
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า วันเกิดเหตุ ผู้เสียหาย จำเลยที่ 1 และนายทวี นามคำดื่มสุรามาจากงานศพวัดต้นเชือก แล้วมาดื่มต่อที่บ้านจำเลยที่ 1 ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายเมาสุราอย่างถึงขนาดพูดขอปักเสาไฟฟ้าผ่านที่ดินของจำเลยที่ 1แต่จำเลยที่ 1 บอกว่าเป็นที่ดินของนางแฉล้มให้ไปถามเจ้าของก่อน ผู้เสียหายหาว่าจำเลยที่ 1 กีดกัน จำเลยที่ 1 ว่าผู้เสียหายเมาแล้วให้กลับไปนอน ผู้เสียหายกลับพูดว่า “ไอ้แก่อยากจะให้รู้มือสักที” แล้วทำท่าจะลุกขึ้นพร้อมกับชักมีดที่เหน็บไว้ที่เอวเผยออกมา จำเลยที่ 1 เข้าใจว่าผู้เสียหายจะทำร้าย จึงชกหน้าผู้เสียหายไป 1 ที แล้วผลักจนล้มลงไปถูกผาลไถนาเป็นบาดแผลที่หางคิ้วขวาการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นไปเพื่อให้พ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึงและพอสมควรแก่เหตุ อันเข้าลักษณะเป็นการป้องกันจำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิด
พิพากษายืน