แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฎีกาว่าการกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเข้าใจและกระทำการโดยสุจริตได้รับความเสียหายจำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1054 และมาตรา 1050ความข้อนี้แม้โจทก์จะได้บรรยายฟ้องไว้แต่มิได้มีประเด็นในศาลชั้นต้นแม้ศาลอุทธรณ์จะหยิบยกบทกฎหมายดังกล่าวขึ้นวินิจฉัย ก็เป็นการวินิจฉัยนอกเหนือจากประเด็นข้อพิพาท ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ร่วมประกอบกิจการค้ากับจำเลยที่ 2 จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันเช่าซื้อสินค้าไปจากโจทก์แล้วไม่ชำระค่าเช่าซื้อ จึงขอให้จำเลยทั้งสองส่งมอบสินค้าคืนแก่โจทก์ หรือใช้ราคา และชำระค่าเสียหาย
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 มิได้ประกอบกิจการค้าร่วมกับจำเลยที่ 1และมิได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 เช่าซื้อสินค้าจากโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 รับผิดต่อโจทก์ตามคำฟ้อง ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2
โจทก์อุทธรณ์ขอให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดต่อโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนในส่วนที่เกี่ยวด้วยจำเลยที่ 2
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า โจทก์ฎีกาเป็นข้อสุดท้ายว่า การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเข้าใจและกระทำการโดยสุจริตได้รับความเสียหาย จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1054 และมาตรา 1050 ความข้อนี้ถึงแม้โจทก์จะได้บรรยายฟ้องไว้ แต่ก็มิได้มีประเด็นในศาลชั้นต้น จึงเป็นเรื่องที่ไม่ได้ว่ากันมาแต่ศาลชั้นต้น แม้ศาลอุทธรณ์จะหยิบยกบทกฎหมายดังกล่าวขึ้นวินิจฉัย ก็เป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยนอกเหนือจากประเด็นข้อพิพาทไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยในส่วนนี้
พิพากษายืน