คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1943/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยติดตามคนร้ายที่ลักเหล้าไปพบผู้ตายนั่งกินเหล้าอยู่ผู้ตายลุกขึ้นก้าวถอยหลังหนีแล้วควักปืนยิงจำเลย 1 นัด แล้วหันหลังวิ่ง แม้ขณะผู้ตายวิ่งไปได้ราว 3 วาเศษ ผู้ตายจะหักลำกล้องปืนและเอามือล้วงกระเป๋า ซึ่งปรากฏภายหลังว่ามีกระสุนปืนอยู่ในกระเป๋ากางเกงผู้ตาย 4 ลูก แต่ผู้ตายก็มิได้แสดงกิริยาว่าจะหันกลับมาต่อสู้ พอห่างจำเลย 16-17 วา จำเลยก็ยิงผู้ตายขณะผู้ตายกำลังวิ่งหันหลังให้ กระสุนปืนถูกผู้ตายด้านหลังถึงแก่ความตายดังนี้ เป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2512 เวลากลางวัน จำเลยใช้ปืนลูกซองยาวยิงโดยเจตนาฆ่านายตุ๋ย ลายปรีชา 1 นัด ถูกบริเวณสันหลังนายตุ๋ยถึงแก่ความตาย เหตุเกิดที่ตำบลลาดยาว อำเภอลาดยาวจังหวัดนครสวรรค์ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 และสั่งริบปืนและปลอกกระสุนปืนของกลางที่ใช้กระทำผิด

จำเลยให้การต่อสู้ว่ายิงเพื่อป้องกันตัวไม่มีเจตนาฆ่า

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำเพื่อป้องกันเกินสมควรแก่เหตุพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 69จำคุก 9 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามมาตรา 78 คงจำคุก 6 ปี ริบของกลาง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า กระทำพอสมควรแก่เหตุ พิพากษากลับยกฟ้องคืนปืนและปลอกกระสุนของกลางให้จำเลย

โจทก์ฎีกาว่า จำเลยกระทำเกินสมควรแก่เหตุและเกินกว่ากรณีแห่งความจำเป็น

ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนมีว่า วันเกิดเหตุนายจ๊อด มลิวรรณกับพวกชวนจำเลยไปติดตามคนร้ายลักเหล้า พบผู้ตายกับนายแจ้วจันทร์สิงห์โต นั่งกินเหล้าของนายจ๊อด มลิวรรณอยู่ ผู้ตายลุกหนีโดยก้าวถอยหลังแล้วควักปืนออกมายิงจำเลยกับพวก 1 นัด ยิงแล้วผู้ตายหันหลังวิ่ง ขณะวิ่งก็หักลำกล้องปืนและเอามือล้วงกระเป๋าจำเลยจึงยิงผู้ตาย 1 นัด และต่อมาค้นพบกระสุนปืนในกระเป๋ากางเกงของผู้ตายอีก 4 ลูก

พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยยิงผู้ตายขณะผู้ตายกำลังวิ่งหันหลังให้จำเลย กระสุนปืนถูกผู้ตายด้านหลังทั้งสิ้น แม้ขณะผู้ตายวิ่งไปได้ราว3 วาเศษ ผู้ตายจะหักลำกล้องปืนและเอามือล้วงกระเป๋าซึ่งปรากฏในภายหลังว่า ค้นพบกระสุนปืนอยู่ในกระเป๋ากางเกงผู้ตาย 4 ลูก แต่ผู้ตายก็มิได้แสดงกิริยาว่าจะหันกลับมาต่อสู้ และตามคำนายจิตร มลิวรรณ พยานโจทก์ก็ว่าผู้ตายยังไม่ทันชักมือออกจากกระเป๋ายังคงวิ่งต่อไป พอห่างจำเลยประมาณ 16 – 17 วา จำเลยก็ใช้ปืนยิงผู้ตายด้านหลังดังกล่าว เป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตัว คำพิพากษาฎีกาที่ศาลอุทธรณ์อ้างข้อเท็จจริงต่างกับคดีนี้

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share