คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 682/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในชั้นบังคับคดี ศาลได้สั่งอายัดเงินส่วนได้ของจำเลยร่วมซึ่งจะได้รับชำระจากเจ้าพนักงานบังคับคดีไว้ตามคำร้องของโจทก์และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้แจ้งการอายัดให้จำเลยร่วมทราบแล้วในกรณีเช่นนี้มิได้มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายระบุไว้โดยตรงว่าให้จำเลยร่วมร้องคัดค้านภายในกำหนดระยะเวลาเท่าใด เมื่อปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดียังมิได้จ่ายเงินที่อายัดนั้นให้แก่โจทก์ไป จำเลยย่อมใช้สิทธิยื่นคำร้องคัดค้านขอให้ถอนการอายัดและจ่ายเงินนั้นให้แก่ตนได้ (โดยไม่มีกำหนดเวลา)

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากคดีถึงที่สุดโดยศาลอุทธรณ์ให้จำเลยและจำเลยร่วมในฐานะเป็นผู้รับมรดกของนายท่ามไกว่ ประเสริฐ หรือเหน็ง ร่วมกันใช้เงินให้แก่โจทก์

ต่อมาโจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขออายัดเงินส่วนได้ของจำเลยร่วมที่ได้รับชำระจากเจ้าพนักงานบังคับคดี ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้อายัดตามคำร้องของโจทก์และแจ้งให้จำเลยร่วมทราบ

จำเลยร่วมยื่นคำร้องคัดค้าน (ภายหลังที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้แจ้งให้ทราบประมาณ 3 เดือน) ว่าทรัพย์ที่โจทก์ขออายัดนั้นเป็นส่วนตัวของจำเลยร่วม และจำเลยร่วมไม่มีส่วนผูกพันกับหนี้ของโจทก์ขอให้ศาลสั่งถอนอายัดและจ่ายเงินให้แก่จำเลยร่วม ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งว่า จำเลยร่วมทราบการอายัดก่อนวันที่ 20 พฤศจิกายน 2512 แต่ยื่นคำร้องคัดค้านการอายัดเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2513 การอายัดย่อมใช้ได้ จำเลยเพิ่งคัดค้านในวันนี้ ไม่มีเหตุผล ให้ยกคำร้อง

จำเลยร่วมอุทธรณ์ขอให้ศาลเพิกถอนการอายัดและจ่ายเงินให้แก่จำเลยร่วมตามที่ได้ยื่นคำร้อง

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ศาลชั้นต้นยังไม่ได้ไต่สวนว่าเป็นความจริงดังคำร้องของจำเลยร่วมหรือไม่ จึงพิพากษาให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องคัดค้านของจำเลยร่วมแล้วพิจารณาสั่งไปตามรูปคดี

โจทก์ฎีกาขอให้อายัดเงินตามคำสั่งของศาลชั้นต้น

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำพิพากษาให้นางยุพาหรือยุพินจำเลยร่วมชำระหนี้ในฐานะผู้รับมรดกของนายท่ามไกว่หรือเหน็งผู้ตายซึ่งเป็นสามี ดังนั้นจำเลยร่วมจึงมีภาระหน้าที่เอาทรัพย์เฉพาะส่วนที่เป็นมรดกของผู้ตายชำระหนี้ให้แก่โจทก์เท่านั้น ไม่ต้องเอาทรัพย์สินส่วนตัวของจำเลยร่วมชำระหนี้ให้แก่โจทก์ เมื่อปรากฏว่าเงินส่วนได้ของจำเลยร่วมไม่ใช่มรดกของผู้ตาย โจทก์จึงไม่ชอบที่จะอายัดไว้ ในเรื่องนี้แม้จำเลยร่วมจะได้ทราบการอายัดเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2512 ซึ่งเป็นวันที่ทนายจำเลยร่วมแถลงขอรับเงินที่ถูกอายัดและศาลชั้นต้นปฏิเสธการจ่ายโดยอ้างว่าเป็นเงินที่ถูกอายัดไว้ และจำเลยร่วมได้ยื่นคำร้องคัดค้านขอให้ถอนการอายัดและขอให้จ่ายเงินให้แก่จำเลยร่วมเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2513 ซึ่งเป็นระยะเวลาถึง3 เดือนเศษนับแต่จำเลยร่วมได้ทราบการอายัดก็ตาม เมื่อปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดียังมิได้จ่ายเงินที่ถูกอายัดนั้นให้แก่โจทก์ผู้อายัดไป จำเลยร่วมย่อมใช้สิทธิยื่นคำร้องคัดค้านขอให้ถอนการอายัดและจ่ายเงินนั้นให้แก่จำเลยร่วมได้ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏชัดแจ้งว่าเงินส่วนได้ของจำเลยร่วมที่ถูกอายัดนั้นเป็นสินสมรสของจำเลยร่วม โจทก์ไม่มีสิทธิอายัดได้ จึงไม่ต้องให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องของจำเลยร่วมว่าจะเป็นความจริงดังที่ได้กล่าวมาในคำร้องหรือไม่ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

พิพากษากลับเป็นว่า ให้ถอนการอายัดเงินของจำเลยร่วมและจ่ายเงินให้จำเลยร่วมไป ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยร่วม และให้กำหนดค่าทนายในชั้นอุทธรณ์และฎีกาเป็นเงิน 300 บาท

Share