คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 284/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

วัดทำสัญญาให้โจทก์เช่าที่ดินของวัดเพื่อสร้างอาคารให้เช่าหาผลประโยชน์โดยมีข้อตกลงให้วัดส่งมอบที่ดินโดยจัดการให้คนที่อยู่ในที่ดินให้ย้ายและรื้อสิ่งปลูกสร้างออกไป แม้ต่อมาคณะสงฆ์จะได้ตราระเบียบมหาเถรสมาคมออกมา ห้ามมิให้วัดมอบที่ดินของวัดให้บุคคลอื่นไปทำการก่อสร้างเพื่อค้ากำไร ระเบียบดังกล่าวไม่มีผลผูกพันหรือกระทบกระเทือนต่อบุคคลภายนอกเช่นโจทก์ และมิใช่เป็นเรื่องการชำระหนี้ของวัดตกเป็นพ้นวิสัยและถึงแม้ระเบียบนั้นจะห้ามการฟ้องร้องขับไล่ผู้เช่าที่ดินของวัดเพื่อส่งมอบให้ผู้อื่นปลูกสร้างอาคารระเบียบฯ นั้นก็เป็นระเบียบภายในของคณะสงฆ์ วัดจะยกขึ้นเป็นข้ออ้างว่าไม่สามารถปฏิบัติการชำระหนี้ตามสัญญาเสียแล้วหาได้ไม่ ถ้าวัดจำเป็นต้องฟ้องขับไล่ผู้ที่ยังอยู่ในที่ดินนั้น การฟ้องนี้ก็เป็นการปฏิบัติการชำระหนี้ตามสัญญาซึ่งวัดมีหน้าที่รับผิดชอบอยู่ตามกฎหมายหากจะเป็นการฝ่าฝืนระเบียบฯก็ไม่อาจถือว่าสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้โจทก์ขอบังคับเอาแก่วัดได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยให้โจทก์เช่าที่ดินของจำเลยเพื่อสร้างอาคารให้เช่าหาผลประโยชน์ แล้วจำเลยมิได้จัดการให้ผู้อยู่ในที่ดินล๊อคที่ 4 ย้ายและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปตามเวลาในสัญญา ครั้นโจทก์เร่งรัดจำเลยให้จัดการให้คนอยู่ย้ายและรื้อถอนตึกแถวไป 7 ห้องจากจำนวนที่มีอยู่ 15 ห้อง และเมื่อโจทก์จะเข้าปลูกสร้างในที่ดินที่รื้อสิ่งปลูกสร้างออกไป 7 ห้องนั้น จำเลยกลับไม่ยินยอมให้โจทก์เข้าปลูกสร้าง ขอให้บังคับให้จำเลยยอมให้โจทก์เข้าปลูกสร้างในที่ดินล๊อคที่ 4 โดยไม่มีการขัดขวางให้จำเลยจัดการให้ผู้อยู่ย้ายและรื้อสิ่งปลูกสร้างที่ยังเหลืออยู่อีก 8 ห้องในที่ดินล๊อคที่ 4 แล้วมอบให้โจทก์ก่อสร้างไปตามสัญญาและห้ามจำเลยกับบริวารปลูกสร้างหรือทำการใด ๆ เกี่ยวกับที่พิพาท และให้ขนย้ายสัมภาระต่าง ๆ ออกไป

จำเลยให้การว่า ความจริงโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ชำระเงินตามงวดจำเลยจึงไม่อาจจัดการให้ผู้ที่อยู่เดิมออกไปได้ จำเลยจำต้องจัดการฟ้องขับไล่ การที่จำเลยต้องดำเนินคดีขับไล่ทำให้ล่าช้าจนคณะสงฆ์มีคำสั่งให้วัดปฏิบัติตามระเบียบมหาเถรสมาคมว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการปลูกสร้างอาคารในที่วัดฯ ซึ่งจำเลยต้องปฏิบัติตาม จำเลยย่อมหลุดพ้นจากการชำระหนี้ที่จะต้องส่งมอบที่ดินแปลงที่ 4 ให้โจทก์

คู่ความแถลงรับกันว่า ได้มีระเบียบของมหาเถรสมาคมตามสำเนาท้ายคำให้การ

ศาลชั้นต้นกะประเด็นไว้ 2 ประการ คือ

1. ฝ่ายใดผิดสัญญา

2. ระเบียบมหาเถรสมาคมดังกล่าวจะมีผลผูกพันโจทก์หรือไม่

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยยินยอมให้โจทก์เข้าปลูกสร้างในที่ดินแปลงที่ 4 เฉพาะที่ได้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปแล้ว

โจทก์จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยจัดการให้ผู้อยู่ย้ายกับรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินแปลงที่ 4 ที่เป็นตึกแถวยังเหลืออยู่อีก 8 ห้อง แล้วยอมให้โจทก์เข้าทำการปลูกสร้างต่อไปโดยปราศจากการขัดขวางใด ๆ และห้ามจำเลยกับบริวารทำการปลูกสร้างหรือทำการใด ๆ เกี่ยวกับที่พิพาททั้งให้จำเลยกับบริวารขนย้ายสิ่งของต่าง ๆ ออกไปจากที่พิพาท นอกจากที่แก้นี้คงให้เป็นไปดังคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาเช่า และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์จะฟ้องบังคับให้จำเลยส่งมอบที่ดินแปลงที่ 4 ในขณะนี้ไม่ได้แล้ว เพราะการชำระหนี้ในเรื่องการส่งมอบตกเป็นพ้นวิสัย โดยคณะสงฆ์ได้ตราระเบียบมหาเถรสมาคม “ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการปลูกสร้างอาคารในที่วัดหรือที่ซึ่งขึ้นต่อวัด อันมีผู้เช่าอยู่ พ.ศ. 2510” ห้ามมิให้วัดมอบที่ดินของวัดให้บุคคลอื่นไปทำการก่อสร้างเพื่อค้ากำไร จำเลยจำต้องปฏิบัติตามระเบียบนั้น จึงมีผลผูกพันมิให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญา อันมิใช่ความผิดของจำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าระเบียบมหาเถรสมาคมดังกล่าวได้ตราขึ้นภายหลังสัญญาเช่านี้ ย่อมไม่มีผลผูกพันถึงโจทก์ หรือกระทบกระเทือนต่อโจทก์ผู้เป็นบุคคลภายนอก จำเลยจะนำมาใช้ยันโจทก์ผู้เป็นบุคคลภายนอกหาได้ไม่ ทั้งมิใช่เรื่องการชำระหนี้ของจำเลยตกเป็นพ้นวิสัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 219วรรค 2 ดังที่จำเลยอ้างเพราะที่ดินพิพาทยังเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยอยู่ จำเลยยังสามารถชำระหนี้ได้

ที่จำเลยฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยส่งมอบที่ดินล็อคที่ 4 เต็มแปลง รวมทั้งตึกแถว 8 ห้องที่มีคนอยู่ด้วยนั้น จำเลยจะต้องฟ้องขับไล่ผู้ที่อยู่เสียก่อนจึงจะส่งมอบได้ ทั้งคำสั่งมหาเถรสมาคมก็ได้กำหนดห้ามรวมถึงการฟ้องขับไล่ผู้เช่าที่วัดเพื่อส่งมอบให้ผู้ปลูกสร้างอาคาร ย่อมทำให้จำเลยไม่สามารถชำระหนี้ในการส่งมอบตึกแถวที่มีคนอยู่ได้ ซึ่งถือว่าการชำระหนี้ตกเป็นพ้นวิสัยเช่นเดียวกันทั้งสภาพแห่งหนี้ก็ไม่เปิดช่องให้โจทก์ขอบังคับได้ เพราะโจทก์เองหรือจำเลยต่างก็ฟ้องขับไล่ไม่ได้ โจทก์จะบังคับคดีได้อย่างไร ศาลฎีกาเห็นว่าระเบียบของมหาเถรสมาคมมิได้มีผลผูกพันบุคคลภายนอกเช่นโจทก์คดีนี้ ดังได้วินิจฉัยไว้ข้างต้นแล้ว เมื่อจำเลยได้ทำสัญญาไว้กับโจทก์ การที่ได้ทำสัญญาไว้นั้นย่อมเป็นการผูกพันตามกฎหมายที่จำเลยจะต้องปฏิบัติตามสัญญา ส่วนระเบียบของมหาเถรสมาคมเป็นแต่ระเบียบภายในของคณะสงฆ์ จำเลยจะยกขึ้นเป็นข้ออ้างว่าไม่สามารถปฏิบัติการชำระหนี้ตามสัญญาเสียแล้วหาได้ไม่ ถ้าจำเลยจำเป็นต้องฟ้องขับไล่ การฟ้องคดีเช่นนั้นก็เป็นการปฏิบัติการชำระหนี้ตามสัญญา ซึ่งจำเลยมีหน้าที่รับผิดชอบอยู่ตามกฎหมาย หากว่าจะเป็นการฝืนระเบียบฯ ก็ไม่อาจถือว่าสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้โจทก์ขอบังคับได้ดังที่จำเลยอ้าง

พิพากษายืน

Share