คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1315/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 กระชากสร้อยคอผู้เสียหายได้แล้ววิ่งหนีไปซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่จำเลยที่ 2 จอดติดเครื่องคอยอยู่ห่างที่เกิดเหตุ 10 วาเศษแล้วจำเลยที่ 2 ขับรถนั้นพาจำเลยที่ 1 หนีไปในทันใด พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 ในการกระทำผิดฐานวิ่งราวทรัพย์โดยแบ่งหน้าที่กันทำ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันวิ่งราวสร้อยคอทองคำและพระเลี่ยมทอง 1 องค์ของผู้เสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 336, 83 กับให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุกจำเลยคนละ 3 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336, 83 และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 1,700 บาทแก่ผู้เสียหาย

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยที่ 1 กระทำผิดจริงตามฟ้อง แต่จำเลยที่ 2เป็นเพียงผู้สนับสนุนในการที่จำเลยที่ 1 กระทำผิด พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 336 ประกอบด้วยมาตรา 86 จำคุกจำเลยที่ 2 ไว้ 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 กระชากสร้อยคอผู้เสียหายแล้ววิ่งหนีไปนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ 2 ล้อที่จำเลยที่ 2 ติดเครื่องรออยู่ห่างที่เกิดเหตุ10 วาเศษ แล้วจำเลยที่ 2 ออกรถพาจำเลยที่ 1 หนีไปทันที พฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวแสดงว่าต้องได้ร่วมรู้เห็นเตรียมการกับจำเลยที่ 1 ที่จะมากระทำผิดด้วยกันมาก่อนมิฉะนั้นคงไม่ติดเครื่องรถคอยอยู่ การที่จำเลยที่ 2 ออกรถพาจำเลยที่ 1 หนีไปทันที ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมในการพาทรัพย์ที่จำเลยที่ 1 ฉกฉวยมาจากผู้เสียหายไป อันเป็นการกระทำส่วนหนึ่งที่จะอำนวยให้ความผิดวิ่งราวทรัพย์บรรลุผลสำเร็จ เข้าลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำการกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการกระทำผิดด้วยกันเป็นตัวการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share