คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 558/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำให้การจำเลยที่ 1 สรุปความได้ว่า ที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินของจำเลยที่ 1 ปลูกบ้านอยู่อาศัยถาวรได้ครอบครองทำกินปลูกต้นผลไม้มาจนปัจจุบันเป็นเวลา 30-40 ปี โจทก์ทั้งหกกับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ได้ขอลงชื่อร่วมในโฉนดที่จะรังวัดแบ่งแยกใหม่ให้กับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงได้คัดค้าน กับขอถอนถ้อยคำในบันทึกโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 5 ได้ยอมทำหนังสือรับรองกรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงพิพาทของจำเลยที่ 1 ว่าจำเลยที่ 1 มีกรรมสิทธิ์อยู่ประมาณ 11 ไร่เศษ ข้อความในคำให้การจำเลยที่ 1 ดังกล่าว แสดงเจตนาอย่างชัดแจ้งหรือยืนยันว่ากรรมสิทธิ์ในที่พิพาทเป็นของตนโดยการครอบครองมา อันเป็นการครอบครองปรปักษ์นั่นเอง ดังนี้ ถือว่าจำเลยที่ 1 ได้ให้การต่อสู้ว่า ได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันในที่ดินโฉนดเลขที่ 143 กับโฉนดเลขที่ 144 เจ้าพนักงานที่ดินจะไปรังวัดแบ่งแยกที่ดินตามที่โจทก์ตกลงกับจำเลย จำเลยกลับร้องคัดค้านขอให้จำเลยไปยื่นคำร้องร่วมกับโจทก์เพื่อขอแบ่งแยกที่ดิน ฯลฯ

จำเลยที่ 1 ให้การว่า บันทึกข้อตกลงสำหรับโฉนดที่ 144 เรื่องแบ่งกรรมสิทธิ์นั้น ไม่ถูกต้อง จำเลยที่ 1 ได้ลงชื่อในบันทึกข้อตกลงโดยหลงเชื่อโจทก์ ฯลฯ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทุกคนแบ่งที่ดินตามฟ้อง ตามบันทึกข้อตกลง ฯลฯ

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า นายเห่ง นางแมะ ได้ยกที่พิพาทให้จำเลยที่ 1 แต่ผู้เดียวและจำเลยที่ 1 ครอบครองมาเกิน 10 ปีโดยสงบเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ย่อมได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 จำเลยที่ 1 พิมพ์ลายนิ้วมือลงในบันทึกหมาย จ.2 กับแผนที่สังเขปโดยเข้าใจผิดว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยที่ 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องสำหรับการขอแบ่งแยกโฉนดเลขที่ 144 ตามบันทึกข้อตกลงในเอกสารหมาย จ.2 เฉพาะที่เกี่ยวกับที่พิพาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ปัญหาที่ว่า จำเลยที่ 1 ครอบครองที่พิพาทมาด้วยความสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของหรือไม่ โจทก์อ้างว่าตามคำให้การของจำเลยที่ 1 เกี่ยวกับที่พิพาท มิได้อ้างข้อต่อสู้เกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่พิพาทว่าเป็นของตน หรืออ้างว่าครอบครองที่พิพาทโดยปรปักษ์นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าคำให้การสรุปความว่า เฉพาะแปลงด้านทิศตะวันตกติดคลองสองห้อง (หมายถึงที่พิพาท) ซึ่งเป็นที่ดินที่จำเลยที่ 1 ปลูกบ้านอยู่อาศัยถาวรได้ครอบครองทำกินปลูกต้นผลไม้มาจนปัจจุบันเป็นเวลา 30-40 ปี โจทก์ทั้งหกกับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ได้ขอลงชื่อร่วมในโฉนดที่จะรังวัดแบ่งแยกใหม่ให้กับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงได้คัดค้านกับขอถอนถ้อยคำในบันทึก (เอกสาร จ.2) โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 5 ได้ยอมทำหนังสือรับรองกรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงนี้ (ที่พิพาท) ของจำเลยที่ 1 (เอกสาร ล.1) ว่าจำเลยที่ 1 มีกรรมสิทธิ์อยู่ประมาณ 11 ไร่เศษ ข้อความในคำให้การจำเลยที่ 1 ดังกล่าว แสดงออกอย่างชัดแจ้งหรือยืนยันว่ากรรมสิทธิ์ในที่พิพาทเป็นของตนโดยการครอบครองมา อันเป็นการครอบครองปรปักษ์นั่นเอง

พิพากษายืน

Share