คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 481/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์กล่าวอ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินพิพาทติดต่อกันมา 10 ปีเศษ จำเลยเพิ่งบุกรุกเข้ามาครอบครองที่ดินพิพาทเมื่อก่อนฟ้องเพียง 1 เดือน โจทก์ทราบเมื่อฟ้องคดีนี้ว่า ศาลได้พิพากษาตามยอมให้นายแดงโอนขายที่ดินพิพาทให้จำเลยตามคดีแพ่งแดงที่ 2/2510 ส่วนจำเลยต่อสู้ว่าได้ครอบครองที่ดินพิพาทตั้งแต่เวลาทำสัญญาซื้อขายกันประเด็นสำคัญของคดีจึงอยู่ที่ว่าฝ่ายใดครอบครองที่พิพาทด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยยังโต้เถียงกัน ชอบที่ศาลจะฟังพยานหลักฐานของคู่ความต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินสวน 1 แปลงจำเลยบุกรุกเข้ามาทำรั้ว ถางหญ้า ตัดต้นขี้เหล็ก ขอให้ศาลห้ามและเรียกค่าเสียหาย ฯลฯ

จำเลยให้การว่า ที่ดินสวนตามฟ้องเป็นที่ดินของนางแดง เรนชนะไม่ใช่เป็นของโจทก์ นายแดงทำหนังสือขายที่ดินแปลงนี้ให้จำเลยแล้วมอบการครอบครองที่ดินให้จำเลยยึดถือครอบครองตลอดมา ได้สิทธิครอบครองเพราะเป็นที่ไม่มีหนังสือสำคัญ ต่อมานายแดงผิดนัดไม่ยอมจดทะเบียนการโอนต่อเจ้าพนักงานตามข้อตกลง จำเลยจึงฟ้องนายแดงเป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดชุมพรตามคดีแพ่งเลขแดงที่ 2/2510 นายแดงยอมโอนที่ดินให้จำเลย

วันชี้สองสถาน โจทก์รับว่าที่ดินที่โจทก์ฟ้องเป็นแปลงเดียวกับที่ดินแปลงที่นายแดงทำสัญญาประนีประนอมยอมความโอนให้กับจำเลยคือ โจทก์ในคดีแพ่งเลขแดงที่ 2/2510 ของศาลจังหวัดชุมพรจริงซึ่งโจทก์เพิ่งทราบในวันชี้สองสถาน

ศาลชั้นต้นจึงงดสืบพยานของคู่ความโดยเห็นว่าโจทก์รับแล้วว่าที่ดินพิพาทเป็นแปลงเดียวกับที่ศาลพิพากษาตามยอมให้นายแดงโอนให้จำเลยตามคดีแพ่งแดง 2/2510 ของศาลจังหวัดชุมพรแล้ว จำเลยก็ย่อมได้สิทธิครอบครองตามคำพิพากษา จึงฟังว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยการที่จำเลยตัดต้นไม้จึงไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องโจทก์กล่าวอ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินพิพาทติดต่อกันมา 10 ปีเศษแล้ว จำเลยเพิ่งบุกรุกเข้ามาครอบครองที่ดินพิพาทเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ก่อนโจทก์ฟ้องเพียง 1 เดือนเท่านั้น และโจทก์ทราบเมื่อฟ้องคดีนี้ว่า ศาลได้พิพากษาตามยอมให้นายแดงโอนขายที่ดินพิพาทให้โจทก์ตามคดีแพ่งแดง 2/2510 ส่วนจำเลยก็ต่อสู้ว่า ได้ครอบครองที่ดินพิพาทมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2509 ซึ่งเป็นเวลาทำสัญญาซื้อขายกัน

ประเด็นสำคัญของคดีจึงอยู่ที่ว่า ฝ่ายใดได้ครอบครองที่พิพาทด้วยเจตนาเป็นเจ้าของซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยยังโต้เถียงกัน ฟังเอาเป็นยุติยังไม่ได้ในชั้นนี้ จึงชอบที่ศาลจะต้องฟังพยานหลักฐานของคู่ความต่อไปจนสิ้นกระแสความ

พิพากษายืน

Share