คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5353/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลหมายเรียก ณ. และ ส.เข้ามาเป็นจำเลยร่วม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57(3) ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องและในวันเดียวกันศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี เมื่อจำเลยมิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นเหตุให้คดีถึงที่สุด และสิทธิดำเนินคดีของจำเลยไม่มีอีกแล้วก่อนที่ศาลอุทธรณ์จะมีคำพิพากษาให้หมายเรียก ณ. และ ส. เข้ามาเป็นจำเลยร่วมเช่นนี้จึงไม่มีประโยชน์ที่ศาลอุทธรณ์จะหมายเรียกให้ ณ. และ ส. เข้ามาในคดีตามคำร้องของจำเลยที่ 1 อีก

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองผิดสัญญาจะซื้อจะขายอาคารทาวน์เฮาส์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงินมัดจำ จำนวน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยจำนวน 41,250 บาทรวมเป็นเงิน 241,250 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีจากต้นเงิน 200,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การ
ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่า ที่ดินและอาคารที่จำเลยที่ 1 ทำสัญญาจะซื้อจะขายให้โจทก์ตามฟ้องนั้น จำเลยที่ 1 และนายยุพา เขียวรักษาได้ตกลงทำสัญญาจะซื้อจะขายรวมกับที่ดินและอาคารอื่นให้แก่นายณรงค์ กมลมาศรัตน์ และนายสมศักดิ์ จิตร์ประวัติโดยบุคคลทั้งสองตกลงว่าจะโอนอาคารตามฟ้องให้โจทก์ซึ่งโจทก์ก็ทราบดีโจทก์ไม่เคยบอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายแก่จำเลยที่ 1 หรือนายณรงค์และนายสมศักดิ์ ทั้งจำเลยที่ 1 มีสิทธิเรียกให้นายณรงค์กับนายสมศักดิ์โอนอาคารตามฟ้องให้โจทก์ได้ และหากจำเลยที่ 1ตกเป็นฝ่ายแพ้คดีนี้ จำเลยที่ 1 ก็มีสิทธิฟ้องร้องนายณรงค์และนายสมศักดิ์เพื่อไล่เบี้ยให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยที่ 1 ได้ขอให้หมายเรียกนายณรงค์และนายสมศักดิ์เข้าเป็นจำเลยร่วมกับจำเลยที่ 1
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ตามคำร้องของจำเลยที่ 1 ไม่ใช่กรณีที่จำเลยที่ 1 มีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากบุคคลภายนอกในเหตุที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีนี้ กรณีไม่ต้องด้วยเหตุตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) ที่ศาลจะมีคำสั่งเรียกบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นคู่ความ ยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า คดีนี้เสร็จการพิจารณาไปในวันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอให้หมายเรียกบุคคลภายนอกเข้ามาในคดีตามคำร้องของจำเลยที่ 1 จึงไม่มีประโยชน์ที่จะเรียกนายณรงค์และนายสมศักดิ์เข้ามาเป็นจำเลยร่วม พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลหมายเรียกนายณรงค์ กมลมาศรัตน์ และนายสมศักดิ์ จิตร์ประวัติ เข้ามาเป็นจำเลยร่วม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) แต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2538 และในวันเดียวกันศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองแพ้คดี เมื่อปรากฏว่าจำเลยทั้งสองมิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นเหตุให้คดีถึงที่สุด สิทธิดำเนินคดีของจำเลยทั้งสองจึงไม่มีอีกแล้วก่อนที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 จะมีคำพิพากษาให้หมายเรียกนายณรงค์และนายสมศักดิ์เข้ามาเป็นจำเลยร่วม เช่นนี้ จึงไม่มีประโยชน์ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1จะหมายเรียกให้นายณรงค์และนายสมศักดิ์เข้ามาในคดีตามคำร้องของจำเลยที่ 1 อีก
พิพากษายืน

Share