คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 728/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีก่อนพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องสิบตำรวจตรี ส.ในความผิดฐานฆ่านาย บ. ตายโดยเจตนา ศาลพิพากษาลงโทษสิบตำรวจตรี ส. คดีเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว โดยในคดีก่อนศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า ขณะที่ผู้ตายถูกยิงล้มลงไป ไม่มีมีดอยู่ในมือผู้ตายการที่สิบตำรวจตรี ส. ยิงผู้ตายมิใช่เป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัว ข้อเท็จจริงดังกล่าวก็เป็นข้อเท็จจริงที่ยุติระหว่างโจทก์กับจำเลยในคดีก่อนเท่านั้น จะนำมาฟังในคดีนี้ว่า การที่จำเลยให้การในชั้นสอบสวนและเบิกความในชั้นพิจารณาของศาลตรงกันข้ามกับข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นการแจ้งความเท็จและเบิกความเท็จหาได้ไม่เมื่อโจทก์ไม่มีพยานนำสืบว่าความจริงเป็นดังที่โจทก์กล่าวในฟ้อง จำเลยก็ไม่มีความผิดตามฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ในคดีก่อนพนักงานอัยการจังหวัดสระบุรีได้ยื่นฟ้องสิบตำรวจตรีสมนึกในความผิดฐานฆ่านายบัญชาหรืออ๊อดตายโดยเจตนาศาลจังหวัดสระบุรี ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำคุกสิบตำรวจตรีสมนึกไว้ตลอดชีวิต รายละเอียดการพิจารณาและคำพิพากษาปรากฏในสำนวนคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 288/2516 ของศาลจังหวัดสระบุรี

จำเลยนี้ได้อยู่ในที่เกิดเหตุรู้เห็นเหตุการณ์ในการที่สิบตำรวจตรีสมนึกฆ่านายบัญชาหรืออ๊อดถึงแก่ความตายโดยตลอด จำเลยได้บังอาจแจ้งข้อความให้ถ้อยคำในฐานะพยานผู้รู้เห็นเหตุการณ์อันเป็นเท็จต่อพนักงานสอบสวน และบังอาจเบิกความอันเป็นเท็จและเป็นข้อสำคัญในการพิจารณาคดีอาญาต่อศาล ในคดีที่สิบตำรวจตรีสมนึกถูกพนักงานอัยการจังหวัดสระบุรีฟ้องว่าใช้อาวุธปืนยิงฆ่านายบัญชาหรืออ๊อดตายโดยเจตนาขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172, 173,177, 181, 200

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้วางโทษจำคุกจำเลยตามมาตรา 172 ไว้ 6 เดือน จำคุกตามมาตรา 177, 181(2) ไว้ 2 ปีและจำคุกตามมาตรา 200 ไว้ 6 เดือน รวมจำคุก 3 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า แม้ในคดีก่อนศาลฎีกาจะฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า ขณะที่ผู้ตายถูกยิงล้มลงไป ไม่มีมีดอยู่ในมือผู้ตายการที่สิบตำรวจตรีสมนึกยิงผู้ตายมิใช่เป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัวแต่ข้อเท็จจริงดังกล่าวก็เป็นข้อเท็จจริงที่ยุติระหว่างโจทก์จำเลยในคดีก่อนเท่านั้น จะนำมาฟังในคดีนี้ว่าการที่จำเลยให้การในชั้นสอบสวนและเบิกความในชั้นพิจารณาของศาลตรงข้ามกับข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นการแจ้งความเท็จและเบิกความเท็จหาได้ไม่ เมื่อโจทก์ไม่มีพยานนำสืบว่า ความจริงเป็นดังที่โจทก์กล่าวในฟ้อง จำเลยก็ไม่มีความผิดตามฟ้อง

พิพากษายืน

Share