คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 54/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในชั้นร้องขัดทรัพย์ กฎหมายประสงค์ให้ศาลที่ออกหมายบังคับคดีชี้ขาดเพียงว่าสมควรปล่อยทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้หรือไม่เท่านั้น จะไปเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์สำหรับที่พิพาทซึ่งมีชื่อผู้ร้องด้วยไม่ได้

ย่อยาว

ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ เนื่องจากจำเลยแทงมารดาโจทก์ ถึงแก่ความตาย จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับของศาล โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดเรือนหนึ่งหลังพร้อมที่ดินที่ปลูกเรือนเพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ตามคำพิพากษา

ผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์ว่าเรือนและที่ดินที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องได้ครอบครองทำประโยชน์ตลอดมา จำเลยเป็นเพียงผู้อาศัยชั่วคราวอยู่ในเรือนเท่านั้น ขอให้ปล่อยทรัพย์

โจทก์ให้การว่า เรือนและที่พิพาทเป็นของจำเลย จำเลยครอบครองและอยู่อาศัยตลอดมา และจำเลยได้ปลูกเรือนขึ้นใหม่แทนเรือนเดิม ผู้ร้องเป็นพี่สาวภริยาจำเลยได้ร้องขัดทรัพย์เพื่อช่วยจำเลยไม่ต้องชำระหนี้ให้โจทก์นอกจากนี้จำเลยกับผู้ร้องยังสมยอมกันให้ผู้ร้องมีชื่อเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2522 อันเป็นเวลาหลังจากศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย และหลังจากโจทก์ฟ้องคดีนี้แล้วต่อจากนั้นผู้ร้องก็ได้นำที่ดินพิพาทไปจดทะเบียนจำนองไว้กับนายเขียวญาติของผู้ร้อง เป็นการส่อไปในทางไม่สุจริต ทำให้โจทก์เสียเปรียบ ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้น พิพากษาให้ยกคำร้องและเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ซึ่งมีชื่อผู้ร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงในเรื่องความเป็นเจ้าของทรัพย์พิพาทเช่นเดียวกับศาลชั้นต้นแต่เห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288 บัญญัติให้ศาลชี้ขาดเพียงว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นของจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือไม่เท่านั้น พิพากษาแก้เป็นว่ายังไม่เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์

ผู้ร้องและโจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริง ในเรื่องความเป็นเจ้าของทรัพย์พิพาทเช่นเดียวกับศาลล่างทั้งสอง

สำหรับปัญหาที่โจทก์ฎีกาว่า ควรคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์เสียในชั้นนี้โดยพิพากษาเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินพิพาทที่มีชื่อผู้ร้องเพราะโจทก์ได้ให้การต่อสู้คดีไว้แล้ว และไม่จำเป็นต้องฟ้องแย้งนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 วรรคแรก บัญญัติว่า “ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งมาตรา 55 ถ้าบุคคลใดกล่าวอ้างว่าจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ใช่เจ้าของทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้ ฯลฯ บุคคลนั้นอาจยื่นคำร้องขอต่อศาลที่ออกหมายบังคับคดีให้ปล่อยทรัพย์สินเช่นว่านั้น ฯลฯ” แสดงว่าในชั้นร้องขัดทรัพย์กฎหมายประสงค์ให้ศาลที่ออกหมายบังคับคดีชี้ขาดเพียงว่า สมควรปล่อยทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้หรือไม่เท่านั้น ที่ศาลอุทธรณ์ไม่เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์นั้นชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share