แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฎีกาจำเลยมีข้อความว่า คำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม เพราะโจทก์มิได้บรรยายคำฟ้องอย่างแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งโจทก์มิได้อ้างข้อที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์เช่นว่านั้น เป็นฎีกาที่มิได้บรรยายว่าคำฟ้องของโจทก์ไม่แจ้งชัดตรงไหนอย่างไร ตามคำให้การจำเลยก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยหลงข้อต่อสู้ตรงไหนจึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาเช่าตึกเลขที่ 29/1 ฯลฯ จากโจทก์เมื่อครบกำหนดเวลาเช่า โจทก์ให้จำเลยเช่าต่อไปโดยไม่มีกำหนดเวลาต่อมาโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยเช่าต่อไป จึงให้ทนายความบอกเลิกสัญญาเช่า จำเลยได้รับทราบแล้วไม่ยอมออกจากตึกพิพาท ทำให้โจทก์เสียหายเท่าค่าเช่าเดือนละ 80 บาท รวม 2 เดือน ขอให้พิพากษาขับไล่จำเลยและบริวาร กับให้ชำระค่าเช่าที่ค้างและค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม ไม่บรรยายให้ชัดแจ้งไม่แน่นอนขาดสารสำคัญและรายละเอียด จำเลยได้เช่าตึกพิพาทจากโจทก์จริง แต่เป็นสัญญาต่างตอบแทนโดยจำเลยเสียเงินช่วยค่าก่อสร้างตึกพิพาทให้โจทก์ 50,000 บาท โจทก์ให้จำเลยเช่า 20 ปี แต่เขียนในสัญญาเช่าเพียงปีเดียวเพื่อหลีกเลี่ยงไม่เสียค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการเช่า จำเลยเพิ่งอยู่มาเพียง 9 ปีเท่านั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยไม่เคยติดค้างค่าเช่าและไม่เคยได้รับหนังสือบอกเลิกการเช่า
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม จำเลยไม่ได้ออกเงินช่วยค่าก่อสร้างจึงไม่เป็นสัญญาต่างตอบแทน ทนายโจทก์ได้มีหนังสือบอกเลิกการเช่าตามมาตรา 556 แล้ว จำเลยยังคงอยู่ในตึกพิพาทจึงเป็นการละเมิดสิทธิโจทก์ พิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารกับให้ใช้ค่าเสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายข้อเดียวว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยฎีกาว่าคำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมเพราะโจทก์มิได้บรรยายคำฟ้องอย่างแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งโจทก์มิได้อ้างข้อที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์เช่นว่านั้น ศาลฎีกาเห็นว่าฎีกาจำเลยมิได้บรรยายว่าคำฟ้องของโจทก์ไม่แจ้งชัดตรงไหนอย่างไร ตามคำให้การจำเลยก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยหลงข้อต่อสู้ตรงไหน รับวินิจฉัยให้ไม่ได้
พิพากษาให้ยกฎีกาจำเลย