คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2699/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การจับกุมกับการสอบสวนเป็นการดำเนินการคนละตอนกัน เมื่อการสอบสวนได้ดำเนินไปโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ถึงแม้การจับกุมจะมิชอบด้วยกฎหมาย ก็เป็นเรื่องที่จะว่ากล่าวกันอีกส่วนหนึ่งต่างหาก หาทำให้กระทบกระเทือนถึงการฟ้องคดีอาญาไม่
คดีที่มีกรณีทั้งต้องเพิ่มโทษและลดโทษที่จะลงแก่จำเลยนั้น จะต้องบังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 54 คือเพิ่มก่อนแล้วลดหรือไม่เพิ่ม ไม่ลด ถ้าในที่สุดคงลงโทษจำคุกจำเลยจริงไม่เกิน 20 ปีแล้วก็ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 51
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นว่า เมื่อลงโทษจำคุกจำเลย20 ปีแล้ว จะเพิ่มโทษจำคุกจำเลยเกินกว่า 20 ปีไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ยังจะมีการลดโทษจำเลยด้วย แต่โจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกาในข้อนี้ ศาลฎีกาจะพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจมีอาวุธปืนพกรีวอลเวอร์หนึ่งกระบอกไม่มีเครื่องหมายทะเบียนเจ้าพนักงานและกระสุนปืน 3 นัดไว้ในความครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต และจำเลยได้บังอาจพกอาวุธปืนและกระสุนปืนดังกล่าวติดตัวเข้าไปในเมืองในหมู่บ้านตามถนนสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร ในวันเวลาเดียวกันนั้นจำเลยกับพวกอีก 2 คนได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวยิงนายชุ้น ทองคำแท้ ถึงแก่ความตายโดยเจตนาฆ่า จำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกมาแล้ว มากระทำผิดคดีนี้อีกขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83, 92, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 20 ปี แต่ที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 นั้น ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51 บัญญัติมิให้เพิ่มโทษจำคุกเกินกว่า 20 ปี จึงไม่เพิ่มโทษจำเลยตามที่โจทก์ขอ และลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสามตามมาตรา 78 คงจำคุกจำเลยไว้ 13 ปี 4 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยได้กระทำผิดจริงตามฟ้องที่จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า จ่าสิบตำรวจวีระพันธ์มิใช่นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ได้จับกุมจำเลยโดยไม่มีหมายจับ การจับกุมจึงมิชอบด้วยกฎหมายนั้นศาลฎีกาเห็นว่า การจับกุมกับการสอบสวนเป็นการดำเนินการคนละตอนกันเมื่อการสอบสวนดำเนินไปโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ถึงแม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าการจับกุมอาจมิชอบด้วยกฎหมาย ก็เป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันอีกส่วนหนึ่งต่างหาก หาทำให้การสอบสวนซึ่งชอบด้วยกฎหมายแล้วนั้นกระทบกระเทือนถึงการฟ้องคดีอาญาไม่

แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ไม่เพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา 92 ที่โจทก์ขอนั้น ไม่ถูกต้อง เพราะคดีนี้มีกรณีทั้งต้องเพิ่มและลดโทษที่จะลงแก่จำเลย ที่ถูกนั้นจะต้องบังคับตามมาตรา 54คือ เพิ่มก่อนแล้วลดหรือไม่เพิ่มไม่ลด ซึ่งในที่สุดคงลงโทษจำคุกจำเลยจริงไม่เกิน 20 ปี ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 51 (อ้างฎีกาที่ 403/2497) แต่โจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกามา จึงเป็นผลดีแก่จำเลย

พิพากษายืน

Share